ตำนานปลาแก้มช้ำ  

       ปลาแก้มซ้ำเป็นป่าชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะตรงบริเวณแก้มของปลานั้นจะมีร่องรอยช้ำเหมือนกับถูกตบตีมาโดยมีการเล่าถึงประมาณปลาชนิดนี้ว่าในสมัยก่อนนั้น  ตำนานปลาแก้มช้ำ    มีตายายคู่หนึ่งได้เลี้ยงหมากับแมวเอาไว้โดยยายนั้นมีแหวนวงหนึ่งซึ่งเป็นแหวนที่ยายรักมากและมันก็สวยมากและเมื่อหมาที่ยายเลี้ยงไว้เห็นแหวนของยายก็เกิดความรู้สึกอยากได้จึงได้มาแอบขโมยแหวนของยายไป

            ซึ่งยายเองก็หาแหวนวงนั้นไม่เจอแล้วมารู้ภายหลังว่ามาได้ขโมยแหวนของตนเองไปยายจึงไปบอกให้แมวที่เลี้ยงไว้นั้นช่วยไปตามเอาแหวนกลับคืนมาซึ่งแมวก็ได้วิ่งตามหมาไปพร้อมกับตะโกนขอแหวนคืนจากหมาตัวดังกล่าวโดยระหว่างที่พวกมันกำลังวิ่งไปอยู่ตรงบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำอยู่นั้นเจ้าแมวก็ได้มีการถามถึงแหวนกับหมา

             ซึ่งในขณะที่หมากำลังจะอาบอาบตอบแมวนั่นเองแหวนของคุณยายก็ได้ร่วมลงแม่น้ำไป  และเมื่อมากับแม่เห็นดังนั้นก็ตกใจจึงได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้แหวนวงนั้นกลับคืนมาให้กับยายซึ่งมาเองก็รู้สึกผิดมากที่มาขโมยแหวนของคุณยายไปดังนั้นมันจึงได้อาสาที่จะลงไปงมหาแหวนในน้ำและเมื่อมันงมอยู่นานมันก็ไม่สามารถหาแหวนเจอสักทีมันจึงตัดสินใจว่ามันจะวิดน้ำออกจากคลองนี้ให้หมดเพื่อที่จะได้เจอแหวนได้นั่นเอง

       หลังจากนั้น หมาก็ลงไปในคอหลังจากนั้นก็จุ่มตัวลงไปแล้วขึ้นมาสะบัดเอาน้ำออกด้านบนทำอย่างนี้จนน้ำยุบลงไปเกือบครึ่งคลองทำให้ปลาที่อาศัยอยู่ในคลองดังกล่าวนั้นเกิดความหวาดกลัวว่าหมาจะวิดน้ำจนแห้งหมดแหละพวกมันจะไม่มีที่อยู่อาศัยดังนั้นพวกมันจึงได้ว่ายน้ำมาคุยกับหมาว่ามันจะช่วยหมาหา แหวนให้เองเพียงแต่หมาต้องรับปากมันว่าจะไม่วิดน้ำออกอีกต่อไป

            ซึ่งมาก็รับปากหลังจากนั้นปลาฝูงดังกล่าวก็พากันสืบหาข้อมูลจะรู้ว่าแหวนนั้นถูกปลาตัวหนึ่งได้คาบเอาไปแล้วมันจึงพยายามพากันตามหาปลาตัวดังกล่าวนั้นและเมื่อเจอก็ได้ขอแหวนคืนแต่ปลาตัวนั้นกลับปฏิเสธที่จะให้แหวนพวกมันจึงได้มีการลงทำร้ายปลาตัวนั้นด้วยการใช้หางต่อไปที่ใบหน้าของปลาตัวดังกล่าวอยู่หลายครั้ง

         จนปลาตัวดังกล่าวนั้นคายแหวนออกมาพวกมันจึงได้มีการเอาแหวนไปคืนหมาและหมาก็เอาไปคืนยายนั่นเองในขณะเดียวกันป้าที่ตัวโดนตบนั้นก็มีแก้มที่ถูกตบจนช้ำไปหมดซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเมื่อมันขยายพันธุ์ปลาทุกตัวก็มีอาการแก้มช้ำเหมือนกับตัวแรกนั่นเองจนกลายเป็นที่มาของตำนานปลาแก้มช้ำในปัจจุบัน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  sa gaming สมัครยังไง

ประวัติไซอิ๋ว เรื่องราวเกี่ยวกับไซอิ๋วที่คุณยังไม่รู้

    ประวัติไซอิ๋ว หรือที่ผู้คนมักจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเห้งเจีย และบางคนก็เรียกว่าซุนหงอคง  ถึงแม้ว่าเราจะเรียกชื่อว่าอะไรแท้ที่จริงแล้วทั้ง 3 ชื่อนี้ก็คือตัวละครตัวเดียวกันนั่นเอง  โดยตามตำนานมีการกล่าวเอาไว้ว่าตัวละครตัวนี้คือลิงที่เกิดมานานหลายพันปีแล้วด้วยแหล่งกำเนิดของลิงตัวนี้เกิดขึ้นบนยอดภูเขา

และมีชาติกำเนิดมาจากหินมีการบำเพ็ญตบะอย่างยาวนานและแกร่งกล้าจนทำให้กลายมาเป็นลิงที่มีอิทธิฤทธิ์มีอาวุธวิเศษที่สำคัญอาวุธของลิงหงอคงนี้ก็คือกระบองวิเศษซึ่งกระบองชนิดนี้สามารถที่จะยืดได้หดได้และที่สำคัญหงอคงมีพาหนะในการใช้ในการเดินทางก็คือก้อนเมฆ  

          ว่ากันว่าหงอคงเห็นว่าตนเองนั้นมีอิทธิฤทธิ์เก่งกาจมากมายและไม่มีใครสามารถที่จะสู้ตนเองได้จึงกลายเป็นลิงที่มีนิสัยเกเรชอบรังแกบุคคลอื่นไปทั่ว  ประวัติไซอิ๋ว ทางด้านนี้เซียนฮ่องเต้จึงได้หางานให้หงอคงทำเพราะจะได้ไม่ไปยุ่งไปก่อกวนคนอื่น  โดยครั้งแรกนั้นสั่งให้หงอคงไปเฝ้าม้าบนสวรรค์แต่หงอคงไม่พอใจที่เห็นว่างานที่ตัวเองทำนั้นเป็นงานที่ต่ำต้อยจึงได้อาระวาดและฆ่าหมาตายหมด

        และหงอคงยังมีเวลากันอื่นๆอีกมากมายที่สร้างความปั่นป่วนให้บนสวรรค์  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่ เง็กเซียน ฮ่องเต้ให้ไปเฝ้าสวนผลไม้สวรรค์แต่งหงอคงก็ไปกินผลไม้บนสรวงสวรรค์จนหมด ซึ่งไม่ว่าเซียนฮ่องเต้จะให้หมอคงไปทำอะไรหงอคงก็จะสร้างความวุ่นวายจนในที่สุดในเซียนฮ่องเต้

จึงได้มีการ ไปขอร้องให้พระพุทธเจ้าช่วยทำการกำราบหงอคงให้ด้วยซึ่งในที่สุดหงอคงก็พ่ายแพ้ให้กับพระพุทธเจ้าและต้องไปเฝ้าภูเขาไฟ หลังจากนั้นเมื่อถึงระยะเวลา 500 ปีพระพุทธเจ้าก็บอกกับหงอคงว่าถ้าหากหงอคงต้องการที่จะหลุดพ้นจากการเฝ้าภูเขาไฟหงอคงจะต้องมีการไปคอยอารักขาพระสงฆ์องค์หนึ่งซึ่งจะเดินผ่านภูเขาไฟแห่งนี้เพื่อไปยังชมพูทวีป ซึ่งพระสงฆ์องค์นั้นก็คือพระถังซัมจั๋งนั่นเอง 

        โดยถ้าหากหงอคงสามารถอารักขาพระถังซัมจั๋งจนสามารถบรรลุการเดินทางไปถึงที่หมายได้คงก็จะหลุดพ้นจากความผิดและไม่ต้องมาเฝ้าภูเขาไฟอีกหลังจากนั้นหมอคงจึงได้มีการติดตามพระถังซัมจั๋งเพื่อรักขาจนในที่สุดพระถังซัมจั๋งก็สามารถไปยังชมพูทวีปเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้ และด้วยคุณความดีนี้เองในท้ายที่สุดแล้วหงอคงก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นเทพเซียน  และคอยมีหน้าที่เฝ้าตรงประตูบริเวณด่านสวรรค์  จนกลายมาเป็นที่เคารพนับถือของคนจีนจนถึงปัจจุบัน

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ฝากถอน ไม่มีขั้นต่ำ ออโต้

ตำนานหมออีกาฆ่าคน

      เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ดูเกี่ยวกับภาพยนตร์ต่างประเทศที่จะมีคนกลุ่มหนึ่งใส่ชุดสีดำและมีเสื้อคลุมยาวสีดำใส่หมวกปิดบริเวณศีรษะและบริเวณใบหน้านั้น ตำนานหมออีกาฆ่าคน จะมีหน้ากากที่มีลักษณะขายกับนกเพราะบริเวณปากจะแหลม  ซึ่งตัวละครตัวนี้จะมีลักษณะนิสัยที่โหดร้ายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง  และตัวละครตัวนี้ก็มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสมัยอดีตกาล

       ในสมัยโบราณนั้นว่ากันว่าประเทศในแถบยุโรปในช่วงก่อนการเกิดสงครามโลกได้มีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอาชีพเป็นหมอมีลักษณะการแต่งกายด้วยการใช้ชุดดำและผ้าคลุมสีดำและมีหน้ากากปิดบังใบหน้าสีขาวคอยตะเวนตามเมืองต่างๆเพื่อรักษาอาการของคนที่เป็นโรคระบาด   อย่างไรก็ตาม หลังจากสู้สงครามโลกหมดสิ้นไปหมอที่มีการแต่งกายแบบนี้ก็ไม่ปรากฏให้เห็นอีกเลย

      แต่กลับมีตำนานเล่าขานที่พูดถึงหมออีกาฆ่าคนซึ่งระบุว่าเป็นชายที่แต่งกายคล้ายกับหมอในสมัยอดีตที่เคยรักษาคนเป็นโรคระบาดแต่หมออีกาฆ่าคนนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปตรงบริเวณที่ใบหน้านั้นจะมีการใส่หน้ากากสีขาวแต่บริเวณปากนั้นจะเป็นปากแหลมคล้ายกับปากนกขนาดใหญ่และที่มือของหมอนั้นจะมีเล็บยาวและถ้าหากหมอคนนี้ใช้เล็บไปกรีดที่ใครคนนั้นก็จะเสียชีวิตทันที

        ตามตำนานเล่ากันว่าหมออีกาฆ่าคนนี้เกิดขึ้นในสมัยยุคกลางในทวีปยุโรปข้อแตกต่างในการแต่งกายของหมออีกาค่าคนกับหมอรักษาโรคระบาดนั้นจะต่างกันตรงที่ผ้าคลุมของหมออีกาฆ่าคนนั้น มันจะไม่สามารถถอดออกจากร่างกายได้ และบริเวณหน้ากากนั้นก็ไม่ใช่เป็นหน้ากากแต่จริงๆแล้วคือใบหน้าของหมออีกาฆ่าคนนั้นเอง และหมออีกาฆ่าคนจะฆ่าด้วยการใช้นิ้วมือแตะไปที่บริเวณผิวหนังของคนคนนั้นหลังจากนั้นคนๆนั้นก็จะหมดลมหายใจทันที

 

 

        แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือเมื่อคนๆนั้นหมดลมหายใจแล้วพวกเขาจะกลับฟื้นคืนชีพมาใหม่อีกครั้งแต่การฟื้นคืนชีพในครั้งนี้เป็นลักษณะคล้ายเหมือนกับซอมบี้เพราะพวกเขาจะไม่มีความรู้สึกนึกคิดและจำอะไรไม่ได้เป็นเพียงแค่ร่างกายที่เดินได้เพียงเท่านั้น โดยวิธีการฟื้นคืนชีพให้กับคนที่ตายไปนั้น หมออีกา จะมีการนำอุปกรณ์ในกระเป๋าของเขามาทำการผ่าตัด หลังจากนั้นคนที่ตายก็จะฟื้นคืนชีพ  และคนที่ฟื้นคืนชีพนั้นจะก่อเหตุการฆ่าคนในหมู่บ้าน 

          สำหรับตำนานที่พูดถึงกันนี้ เกิดขึ้นที่ เมืองมองโตบอง ตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส  และเรื่องราวนี้ก็จบลงด้วยที่มีองค์กรหนึ่งที่ชื่อว่าองค์กร scp ได้เข้ามาตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นและทำการจัดการกับเหล่าผีดิบคืนชีพเหล่านั้นจนในที่สุดก็สามารถกำจัดหมออีกาฆ่าคนได้และไม่มีผีดิบคืนชีพอีกเลย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  ufabetฝ่ายบริการ

ประวัติและจุดเริ่มต้นของสุกี้ยากี้

           สุกี้ยากี้ชื่อนี้หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี จุดเริ่มต้นของสุกี้ยากี้ และชื่นชอบอาหารชนิดนี้กันเป็นอย่างมากโดยในประเทศไทยปัจจุบันนั้นมีอาหารประเภทแนวสุกียากี้นั้นอยู่หลายแบรนด์เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ดั้งเดิมที่เข้ามาในประเทศไทยในยุคแรกๆเช่นแบรนด์ Coca Restaurant   หรือแม้แต่แบรนด์ปัจจุบันที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั่นก็คือแบรนด์ MK สุกี้   รวมถึงมีแบรนด์สไบนาง เป็นต้น 

      ลักษณะของสุกี้ยากี้ก็คือจะมีหม้อที่ใส่น้ำซุปและเวลาที่เราจะกินนั้นเราก็จะใส่ผักรวมถึงใส่เนื้อสัตว์ที่เราต้องการกินลงไปไม่ว่าจะเป็นเนื้อกุ้งหรือแม้แต่เนื้อหมูรวมถึงเนื้อไก่ลูกชิ้น  เนื้อสัตว์อะไรก็ได้ที่เราชื่นชอบในการกินเราสามารถใส่ได้หมดทุกอย่างโดยมีการกินพร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ดซึ่งแต่ละสูตรของแต่ละแบรนด์นั้นก็จะมีความแตกต่างของน้ำจิ้มอร่อยแตกต่างกันออกไปวันนี้เราจะมาแนะนำประวัติความเป็นมาและจุดเริ่มต้นของสุกี้ยากี้นั้นว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรจึงกลายมาเป็นอาหารที่ทุกคนชื่นชอบกันจนถึงปัจจุบันนี้

      สำหรับสุกกี้นั้นแต่เดิมแล้วไม่ใช่อาหารของประเทศไทยหรือคนจีนแต่จุดเริ่มต้นของสุกี้ยากี้นั้นมาจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งว่ากันว่ามันเกิดมาตั้งแต่ในสมัยยุคกลาง จุดเริ่มต้นของสุกี้ยากี้ โดยจุดเริ่มต้นของการทำสุกี้ยากี้กินนั่นก็คือในสมัยโบราณนั้นนักรบชาวญี่ปุ่นจะต้องไปทำการออกรบ

ซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งที่นักรบได้มีการล่าสัตว์และนำเนื้อสัตว์มาใช้ในการกินด้วยการล่าเนื้อสัตว์ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่ายากิ   และเมื่อได้เนื้อสัตว์มาแล้วทหารก็ได้เอาเนื้อสัตว์นั้นให้กับชาวบ้านโดยมีการใช้พลั่วในการใส่เนื้อสัตว์เพื่อทำการปรุงอาหารให้ซึ่งพวกในภาษาญี่ปุ่นนั้นก็คือคำว่าซูกินั้นเอง   ดังนั้นอาหารมื้อนั้นจึงถูกเรียกว่าสุกี้ยากี้   

         สำหรับสุกี้ยากี้นั้นเริ่มเป็นที่รู้จักทั่วโลกหลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศเป็นการเปิดประเทศให้ทุกคนนั้นรู้จักประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นซึ่งเป็นช่วงปีค.ศ 1890   

หลังจากนั้นเมนูอาหารสุกี้ยากี้จึงกลายมาเป็นอาหารยอดฮิตของในหลายประเทศและแต่ละประเทศนั้นก็มีการพัฒนาในรูปแบบของวิธีการกินให้ง่ายและสอดคล้องกับวัฒนธรรมของประเทศของตนเองหรือ Lifestyle ของประเทศนั้นๆรวมถึงหม้อในการต้มน้ำสุกี้นั้นก็มีการสร้างสรรค์ออกมาใหม่ให้เหมาะสมกับในยุคสมัยของปัจจุบันนั่นเอง 

          สำหรับสุกี้ยากี้ได้มีการเผยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทยในช่วงประมาณปีพุทธศักราช 2500    โดยแบรนด์ที่นำสุกี้เข้าสู่ประเทศไทยเป็นแบรนด์แรกนั่นก็คือแบรนด์ Coca นั่นเองซึ่งในตอนแรกที่มาเปิดขายในประเทศไทยนั้นเกิดเป็นเพียงแค่ร้านเล็กๆเองเท่านั้นหลังจากเมื่อมีคนมาลองชิมแล้วจะติดใจในรสชาติก็มีลูกค้ามาซื้อกินมากขึ้นจนทำให้มีการขยับขยายร้านและเปิดหลายสาขาทั่วประเทศไทยกลายมาเป็นสุกี้Coca Restaurant  ในปัจจุบันเอง 

 

สนับสนุนโดย.  gclub