หนุ่มดวงซวย ถูกฝูงผึ้งรุมต่อย โดดหนีลงน้ำแต่ต้องเจอกับฝุงปลาปิรันย่า สภาพศพน่ากลัวมาก

    หนุ่มดวงซวย ถูกฝูงผึ้งรุมต่อย   มีเรื่องราวเปิดเผยออกมาจากสำนักข่าวต่างประเทศโดยข่าวนี้มีการเปิดเผยไปเมื่อวันที่ 3 เดือนพฤศจิกายนปีพศ 2564 ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่รัฐมีนัสเชไรส์ประเทศบราซิลเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับการติดต่อให้เข้าไปช่วยเหลือตามหาชายคนหนึ่งซึ่งได้กระโดดลงไปในแม่น้ำหลังจากที่หนีฝูงผึ้งและหลังจากที่โดดลงน้ำไปก็ยังไม่พบว่ามีการขึ้นมาจากแม่น้ำเลย  

       สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีชาย 3 คนเป็นเพื่อนกันนัดไปตกปลากันที่ทะเลสาบแห่งหนึ่งและในขณะที่พวกเขากำลังนั่งตกปลาอยู่นั่นเองปรากฏว่ามีฝูงผึ้งฝูงใหญ่บินมาทำร้ายพวกเขาโดยการรุมต่อยทําให้ทั้งสามคนนั้นต่างพากันวิ่งหนีและกระโดดลงไปในทะเลสาบ

อย่างไรก็ตามปรากฏว่าในขณะที่เพื่อน 2 คนสามารถว่ายน้ำขึ้นไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อหนีฝูงผึ้งได้ปรากฏว่ามีหนุ่มดวงซวยคนหนึ่งกลับไม่พบว่าเขาขึ้นจากน้ำ

           หลังจากที่เพื่อนรอไปสักระยะหนึ่งจึงได้มีการแจ้งให้หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยการตามหาซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ดำน้ำลงไปเพื่อตามหาชายคนดังกล่าวปรากฏว่าในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พบศพชายคนหนึ่งร้อยห่างจากฝั่งประมาณ 4 เมตรซึ่งสภาพศพของชายคนดังกล่าวนั้นมีสภาพที่ถูกกัดแทะตามร่างกายเต็มไปหมดและเมื่อชาย 2 คนได้เห็นก็ยืนยันได้ว่าเป็นเพื่อนของเขาที่กำลังช่วยกันตามหาอยู่

           อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นสภาพศพแล้วทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าศพหนุ่มดวงซวยคนดังกล่าวนั้นเสียชีวิตก่อนที่จะถูกปากหรือเสียชีวิตเพราะถูกปลากัดกันแน่ส่วนปลาที่กัดร่างกายของผู้เสียชีวิตนั้นตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นปลาปิรันย่าซึ่งในทะเลสาบแห่งนี้มีฝูงปลาปิรันย่าขนาดใหญ่อาศัยอยู่

อย่างไรก็ตามตรงจุดบริเวณที่พบศพนั้นชาวบ้านบริเวณดังกล่าวก็ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นเดียวกันว่าเป็นจุดที่มีคนจมน้ำบ่อยมากเช่นเดียวกันทำให้การเสียชีวิตในครั้งนี้  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย   ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าตายสาเหตุจากจมน้ำหรือสาเหตุจากฝูงปลาปิรันย่ากัดนั่นเอง  

           สำหรับปลาปิรันย่านั้นเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าปลาชนิดนี้เป็นปลาที่มีฟันที่แหลมคมมากและปลาปิรันย่านิยมกินเนื้อสดซึ่งในขณะนี้ปลาปิรันย่ามีต้นกำเนิดมาจากลุ่มแม่น้ำอเมซอนซึ่งอยู่ในแถบทวีปอเมริกาใต้และแถวบริเวณดังกล่าวนั้นก็มีมากกว่า 30 สายพันธุ์แต่หลังจากที่มีคนค้นพบปลาปิรันย่าก็มีการนำปลาปิรันย่ามาขายและมีการนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งทำให้ปลาปิรันย่าขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อแหล่งน้ำนั้นๆเพราะมันจะไปทำลายวัฏจักรวงจรชีวิตของสัตว์อื่นๆรวมถึงถ้าหากมนุษย์เจอกับฝูงปลาปิรันย่าก็มีความเสี่ยงสูงที่อาจจะถูกปลาปิรันย่ากัดได้ 

ตำนานรักอมตะของเจ้าหญิงไม้ไผ่ภูเขาไฟฟูจิ

    ตำนานรักอมตะของเจ้าหญิงไม้ไผ่ภูเขาไฟฟูจิถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิที่จะเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาลหลายๆคนยังมีความเชื่อว่าภูเขาไฟแห่งแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้เป็นหนึ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นที่สถิตของเหล่าเทพเจ้าและมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิมากมาย

        หนึ่งในนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นตำนานที่สุดของญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งเราถึงชายชราคนตัดไม้เข้าป่าไปตัดไม้ไผ่และเห็นไม้ไผ่ปล้องหนึ่งมีแสงสว่างสีทองว่าขึ้นมาเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็พบทารกน้อยหน้าตาน่ารักเขาจึงพาทารกน้อยกลับบ้านแล้วตั้งชื่อว่า คางุยะฮิเมะหลังจากนั้นไม่กี่เดือนทารกน้อยก็เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศชายหนุ่มต่างพากันมาขอเธอแต่งงานแต่ก็ต้องผิดหวัง

        กระทั่งจักรพรรดิมิคาโดะได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับคางูยะจึงขอเธออภิเษกแต่ก็ถูกปฏิเสธเช่นกันเพราะเธอไม่ใช่คนธรรมดาและวันนึงเธอจะต้องกลับไปยังดวงจันทร์ดินแดนบ้านเกิดของเธอ ในคืนวันเพ็ญคางุยะฮิเมะต้องกลับไปยังดวงจันทร์เธอมอบจดหมายและยาอายุวัฒนะให้องครักษ์ของจักรพรรดิมิคาโดะ

เมื่อจักรพรรดิได้อ่านจดหมายของเธอแล้วส่งโศกเศร้ายิ่งนักและสั่งให้ทหารองครักษ์นำจดหมายตอบของพระองค์ไปเผาบนภูเขาที่อยู่ใกล้ท้องฟ้ามากที่สุดโดยหวังว่าข้อความของพระองค์จะส่งไปถึงพระพุทธคุณพร้อมกระเป๋ายาอายุวัฒนะทิ้งไปเพราะไม่ปรารถนาจะมีอายุยืนยาวโดยไม่ได้พบเจอหญิงผู้เป็นที่รักอีก

       จึงเป็นที่มาของชื่อภูเขาไฟฟูจิที่คำออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึงเป็นอมตะและอักษรคันจิแปลตรงตัวว่าภูเขาที่เต็มไปด้วยนักรบหมายถึงเหล่าองครักษ์ที่จักรพรรดิส่งไปเผาจดหมายและควันที่เกิดจากการเผาจดหมายกับยาอายุวัฒนะก็ยังปะทุอยู่ถึงทุกวันนี้  

       ปัจจุบันภูเขาไฟฟูจิกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวผู้คนมักจะเดินทางไปเที่ยวที่ภูเขาไฟฟูจิซึ่งจะมีการไปเล่นสกีหรือบางคนนั้นก็ใช้วิธีการนั่งรถไฟวิ่งผ่านภูเขาไฟฟูจิแล้วถ่ายภาพสวยๆ 

และในปัจจุบันนี้ภูเขาไฟฟูจิเองนั้นก็ยังคงไม่ดับรอวันมอดไหม้อยู่เช่นเดิม  สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดที่จะไปแวะเยี่ยมชมความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ  ภูเขาไฟที่มีตำนานมาอย่างยาวนาน และเป็นตำนานและเรื่องราวของความรักที่น่าจดจำ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย