ผีย่าม่อย

         สำหรับตำนานผีม่อยนั้นเป็นตำนานที่เกิดขึ้นในประเทศลาวเช่นเดียวกันซึ่งตามตำนานบอกว่ายายมอยนั้นเป็นหญิงชราที่อาศัยอยู่ในป่าทึบแล้วหญิงชราคนดังกล่าวนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับคนแคระและที่สำคัญเธออาศัยอยู่ในป่าคนเดียว

ซึ่งถ้าหากใครหลงเข้าไปในป่าที่เธออาศัยอยู่เธอจะฆ่าคนผู้นั้นทันที ตำนานเล่าว่าอยู่มาวันหนึ่งมีเด็กหญิง 2 คนเกิดพลัดหลงเข้าไปในป่าที่เป็นป่าของผีย่าม่อย ซึ่งหลายคนเชื่อว่าเด็กทั้งสองคนนั้นอาจจะไม่เคยรู้ประวัติของผีย่าม่อยมาก่อนนั่นเองเราว่าเด็กทั้งสองคนนั้นได้เดินไปถึงกระท่อมที่ย่าม่อยไม่อาศัยอยู่

และยังไปเคาะประตูบ้านของย่าม่อยอีกด้วย อย่างไรก็ตามมีการเล่ากันว่าเมื่อผีย่าม่อยได้รับการทักทายจากเด็กๆหญิงชราก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับบอกเด็กๆว่า พวกเธอเป็นใครมาทำอะไรกันที่นี่แล้วมาอยู่ในป่าของฉันได้อย่างไร เธอไม่รู้หรือว่าถ้าเข้ามาในนี้แล้วจะต้องมาเป็นอาหารของฉันหลังจากนั้น

หญิงชราก็กลายร่างเป็นผีเพื่อหลอกเด็กๆทันทีแต่เด็กๆกลับไม่วิ่งหนีและยังบอกย่าม่อยอีกด้วยว่าพวกเขานั้นถูกทิ้งเข้ามาในป่าแห่งนี้ และพวกเขาไม่รู้จะไปไหนพวกเขาจึงจำเป็นที่จะมาขออาหารกับย่าม่อยนั่นเอง เด็กน้อยทั้ง 2 คนร้องขออาหารจากผีย่าม่อยพร้อมทั้งบอกว่าถ้าได้อ่านแล้วทั้งสองคนก็จะออกจากป่าของหญิงชราทันที

และจะไม่กลับมากวนหญิงชราอีก เมื่อหญิงชราได้ยินดังนั้นก็ได้มีการมอบท่อนอ้อยให้กับเด็กน้อยทั้งสองคนเลยบอกให้เด็กทั้งสองคนนั้นเดินกินอ้อยกลับไปยังบ้านของตนเองแล้วให้ข้าวเปลือกอ้อยทิ้งระหว่างทางด้วยเพราะอ้อยนั้นกินได้

เฉพาะแค่น้ำอ้อยเท่านั้นส่วนเปลือกจะไม่สามารถกลืนลงท้องได้เด็กน้อยทั้งสองคนได้ทำตามที่หญิงชราบอกพวกเธอนั้นเดินกินอ้อยไปตลอดทางและเดินทางกลับเข้าหมู่บ้านของตนเอง และเมื่อตกดึกผีย่าม่อยก็เดินตามรอยกากอ้อยที่พวกเด็กๆนั้นทายทิ้งเป็นทางเอาไว้จนหญิงชราไปเจอกับหมู่บ้านที่เด็กๆอาศัยอยู่

เครื่องเด็กทั้งสองคนนั้นได้บังเอิญเห็นยาวๆตามเข้ามาเด็กๆจึงรู้ได้ทันทีว่ายาไม่น่าจะตามมากินพวกเขาเสียแล้วดังนั้นพวกเขาจึงได้มีการขึ้นไปแอบซ่อนบนหลังคาซึ่งยาวๆก็เห็นหมดทุกขั้นตอนที่เด็กๆปีนขึ้นไปแต่ก็ไม่สามารถตามเด็กๆขึ้นไปบนหลังคาได้ด้วยความชราภาพของตนเองทำได้แค่เพียงการตะโกนคุยกับเด็กๆเท่านั้นเมื่อตะโกนคุยกันไปนานๆหญิงชราเกิดปวดฉี่ขึ้นมาจึงได้เดินไปที่ห้องข้างๆที่เป็นห้องน้ำแล้ว

เข้าไปทำการฉี่แต่ระหว่างนั้นก็ตะโกนคุยกับเด็กๆไปด้วยโดยพยายามเกลี้ยกล่อมให้เด็กๆนั้นปีนลงมาจากหลังคา แต่เด็กสาวตะโกนตอบกับหญิงชราว่าเธอลงไปไม่ได้เพราะต้องรอพี่สาวอยู่ข้างบนนี้พี่สาวของเธอกลับไปที่บ้านของหญิงชราเพื่อไปขออาหารเมื่อหญิงชราได้ยินดังนั้นก็กลัวว่าอาหารที่เธอเก็บตุนไว้จะหายไปหมดเธอจึงได้รีบกลับไปที่บ้านของตนเอง

พร้อมกับกำชับให้เด็กที่อยู่บนหลังคารอเธอก่อนเดี๋ยวเธอจะกลับมาคุยด้วยเมื่อเธอกลับไปได้สักพักเด็กน้อยทั้งสองคนก็ไปหาที่ซ่อนแห่งใหม่ซึ่งขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ที่สูงกว่าเดิมยิ่งชรากลับมาก็เรียกร้องให้เด็กน้อยทั้งสองคนลงมาข้างล่างแต่เด็กทั้งสองคนก็ปฏิเสธพร้อมกับบอกว่าพวกเขาต้องรอให้พี่อีกคนนึงที่ไปบ้านของหญิงชราอีกรอบกลับมาก่อนเมื่อได้ยิน

ดังนั้นหญิงชราก็ไม่พอใจก็เก่งว่าอาหารที่ตนเองเก็บเอาไว้นั้นจะหมดไปจึงได้กลับไปที่บ้านของตนเองอีกรอบหนึ่ง เด็กๆพากันปีนต้นไม้ให้ส่งไปอีกจนในที่สุดเด็กๆก็มากันมองเห็นวิญญาณของพ่อกับแม่ที่อยู่บนสวรรค์เด็กๆร้องขอให้พ่อกับแม่ช่วยเหลือพวกเขา

ซึ่งพ่อกับแม่ก็ได้ช่วยเหลือด้วยการหย่อนเชือกลงมาเมื่อหญิงชรามองเห็นก็ได้มีการร้องขอพ่อแม่ของเด็กว่าเธอนั้นรักเด็ก 2 คนนี้มากเพราะไม่มีใครพูดคุยกับเธอเลยนอกจากเด็กทั้งสองคนนี้หญิงชราอ้อนวอนไม่ให้พ่อกับแม่ของเด็กนั้นพาเด็กไป

ซึ่งพ่อกับแม่ของเด็กก็ได้หลงเชื่อใจว่าหญิงชรานั้นจะรักเด็กจริงได้อย่างเชือกที่มีเด็กเกาะอยู่ลงมาได้ขณะที่หญิงชรากำลังจะไปเชื่อเพื่อที่จะปีนขึ้นไปดึงตัวเด็กลงมานั่นเองเด็กน้อยเห็นท่าไม่ดีกลัวว่าหญิงชราจะจับตนเองไปกินจึงได้กัดเชือกที่หญิงชราเกาะอยู่ค่ะทำให้ร่างของหญิงชรานั้น

ร่วงลงมาจากท้องฟ้าตกลงไปในบ่อน้ำแห่งหนึ่งซึ่งบ่อน้ำนั้นเป็นบ่อน้ำที่เป็นปล่องภูเขาไฟซึ่งมีความลึกมากตั้งแต่หญิงชราตกลงไปนั้นก็ไม่เคยโผล่ขึ้นมาอีกเลยทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านของประเทศลาวต่างก็เรียกบ่อน้ำนี้ว่าบ่อน้ำวนย่าม่อยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  หรือวังน้ำวนยายม่อม

 

สนับสนุนโดย  ufabet บาคาร่าออนไลน์