กาฟักไข่

กาฟักไข่ เป็นประเพณีหรือว่าเป็นการละเล่นอย่างหนึ่งของบ้านเรานั่นเองที่เราจะเห็นได้ว่าสืบทอดมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นนั่นเอง แต่ว่าเดี๋ยวนี้อาจจะไม่เห็นมีใครหรือว่ามีเด็กๆรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเล่นกันเหมือนเด็กสมัยก่อนนั่นเอง

เพราะว่าส่วนใหญ่เด็กๆสมัยนี้อาจจะได้ยินแต่ชื่อว่ากาฟักไข่แต่อาจจะไม่รู้ว่ากติกาหรือว่าการเล่นนั้นเป็นอย่างไรนั่นเองซึ่งในวันนี้เราจะมาบอกเกี่ยวกับกติกาและการเล่นกาฟักไข่ที่ถูกต้องและที่ไม่มีใครเอาออกมาเล่นเอง   การเล่นกาฟักไข่นั้น

โดยที่เราจะเล่นจะต้องมีเพื่อนอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 4 คนนั่นเองโดยที่จะมีเพื่อนทั้งหมดที่เล่นเป็นกา 1 คน และอีก 4 คนนั้นจะอยู่รอบนอกวงกลมโดยวิธีการเล่นนั้นก็คือ

     เราจะต้องขีดเป็นวงกลมวงใหญ่ๆประมาณซัก 4 ฟุตนั่นเองจากนั้นเราก็วงกลมเอาไว้แล้วให้เพื่อน  4 คนนั่งอยู่รอบนอกของวงกลม จากนั้นก็จะมีเพื่อน 1 คนที่เล่นเป็นกาและมีวงกลมเล็กๆประมาณสักเล็กๆ 1 วงที่อยู่ข้างในวงกลมใหญ่เพื่อเอาไว้สำหรับเป็นการวางไข่นั่นเอง

ส่วนไข่นั้นเราก็จะดัดแปลงในการเล่นที่แตกต่างออกไปบางคนอาจจะเอาเป็นรองเท้าของเพื่อนๆมาวางเป็นไข่หรือว่าเราจะหาอุปกรณ์อะไรก็ได้ที่เป็นลูกกลมๆนำมาแทนเป็นไขของกานั่นเอง  จากนั้นก็จะมีเพื่อน 1 คนที่อยู่ในวงกลมจะเป็นกาที่คอยดูแลไข่ของตัวเองเพื่อที่จะไม่ให้เพื่อนๆที่อยู่รอบนอกวงกลมใหญ่เข้ามาแย่งไข่ออกไปได้นั่นเอง

สำหรับคนที่เป็นการนั้นก็จะเป็นคนที่คอยดูแลไขที่อยู่ในวงกลมเล็กเพื่อที่จะไม่ให้เพื่อนๆคอยเข้ามาแย่งได้นั่นเอง  ส่วน กติกาในการเล่นก็คือ กาฟักไข่ก็คือคนที่อยู่ข้างนอกจะต้องเข้ามาแย่งไข่ให้ได้แต่ว่าจะต้องไม่ให้กาหรือว่าคนที่เล่นเป็นการนั้นสามารถแตะแขนหรือว่าถูกอวัยวะส่วนของเราได้นั่นเอง

โดยเป็นการที่เราค่อยๆหาวิธีในการที่จะเข้าไปหยิบไข่ของตาในวงกลมข้างในให้ได้นั่นเองแต่ห้ามเอาตัวเข้าไปแต่สามารถที่จะเอาแขนหรือว่าขานั้นเข้าไปได้นั่นเองส่วนคนเป็นกลางก็ต้องคอยดูไม่ให้คนที่อยู่รอบนอกเข้ามาเอาไข่ของตัวเองไปได้และถ้าเมื่อใดที่เพื่อนสามารถที่จะขโมยไข่หรือว่าแย่งไข่ออกไปได้หมดแล้ว

ให้เพื่อนปิดตาของคนที่เป็นกาแล้วนำไข่เอาไปซ่อนจากนั้นเราก็เปิดตาของกา เพื่อที่จะให้เพื่อนที่เล่นเป็นกาตามหาไข่และถ้าเผื่อที่เล่นเป็นกาสามารถตามหาใครเจอเพื่อนคนที่อยู่ข้างนอกที่เอาไข่ไปซ่อนนั้นจะต้องมาเล่นเป็นกาแทน 

    

 

สนับสนุนโดย  ทดลองเล่นบาคาร่า

4 บุคคล ซึ่งเป็นยอดศิลปินในช่วง 100 ปีนี้

บุคคลมากมายที่มีความสามารถ ในด้านศิลปะ ต่างๆ ทุกคนต่างก็ได้ค้นหากลอุบายอันนานาประการเพื่อให้ผู้ชมมีส่วนร่วมต่องานศิลปะเยอะขึ้น พวกเขาสร้างผลงานอันยอดเยี่ยม และสะดุดตาได้อย่างเร็ว ซึ่งก็มีผลต่อความเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมทำให้ได้เป็นบุคคลสุดยอดทางด้านศิลปะ

โดยพวกเขาจุดประกายความกระตือรือร้นในตลาดศิลป์ จนถึงเมื่อเศรษฐกิจฟื้นจากวิกฤติการณ์ทางด้านการเงินในช่วงปลายทศวรรษก่อนหน้าที่ผ่านมา

การประลองในกลุ่มนักสะสมก็ได้มีผลทำให้ราคาผลงานศิลป์สูงมากขึ้น ตลาดศิลป์เองก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมาโดยตลอด จนกระทั่งนับว่าเป็นทศวรรษที่ผู้คนต่างพอใจสะสมงานศิลปะมากยิ่งกว่าหลายปีที่ล่วงมาแล้ว และ 4 บุคลลที่สร้างแรงกระตุ้นต่อผู้คนในวงการศิลป์เยอะที่สุด มีดังต่อไปนี้

Ai Weiwei งานที่ทำให้เขาดังแบบฉุดไม่อยู่ คือ งานที่ทำให้ TATE MODERN มันคือผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา โดยเป็น เครื่องลายครามมีรูปร่างคล้ายกับเมล็ดทานตะวันปริมาณหนึ่งร้อยล้านชิ้น ซึ่งทำให้ได้รับความสนใจและกล่าวถึงโดยทันที เป็นผลงานที่ถูกถ่ายภาพสูงที่สุด

เกือบจะพูดได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่เลยทีเดียว โดยผลงานของเขาได้สะท้อนความเป็นระบบทุนนิยมสากล เริ่มจากครั้งที่เขามานะจะขึ้นเที่ยวบินจากกรุงปักกิ่งไปยังประเทศฮ่องกง แต่ดันถูกคุมตัวไว้อย่างนั้นเกือบ 4 วัน โดยถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้เลี่ยงภาษีพยายามหนีออกนอกประเทศ ว่ากันว่าต้นเหตุที่จริงแล้วมาจากแนวความคิดด้านการเมืองที่เขามักวิภาควิจารณ์ โดยเขามักแสดงความเป็นศัตรูต่อแผนการของรัฐบาลจีนอย่างเปิดเผยกระทั่งทำให้ถูกขู่เข็ญอยู่บ่อยมาก

Marina Abramovic อีกหนึ่งบุคคลผู้เป็นส่วนหนึ่งของความมหัศจรรย์ของงานศิลปะ โดยในตอนที่เขาได้แสดงงานกว่า 50 รายการ โดยเป็นงานที่เขาได้แสดงในนิทรรศการที่ MOMA นิวยอร์ค และได้รับรางวัล Peabody Award รวมทั้งมีผู้ร่วมชมงานของเขาเกือบ 800,000 คน โดยการแสดงนี้กลายเป็นการแสดงที่มีชื่อและโด่งดังในตอนนั้น เกิดปรากฏการณ์ที่ผู้ชมต้องมาต่อแถวนั่งเก้าอี้ประจันหน้านักแสดงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ด้วยกัน

Kara Walker เป็นบุคคลผู้สร้างงานศิลป์แนวภาพเงาดำที่แสดงถึงความร้ายแรงรวมทั้งทารุณ โดยมันได้สร้างชื่อให้กับเขาอย่างมากมาย แนวความคิดหลักของเขาเป็นการประมือกับการนำเสนอภาพในแง่ลบที่มีต่อชาวผิวสีอันเป็นแบบอย่างของการกระตุ้นจิตสำนึก

โดยใช้การเสียดสีหรือกระทบกระแทกแดกดันผ่านภาพวาดที่แสดงความสนุกสนานร่าเริง แต่ทว่าซ่อนเร้นซึ่งความห่อเหี่ยวซึ่งมาจากความรู้สึกส่วนลึกของเขาเองล้วนๆ เพื่อเสนอคำถามต่อปัญหาด้านสีผิวของคนในโลก แล้วก็การวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมในช่วงเวลานั้น

BANKSY ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นศิลปินร่องหน เพราะไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าเขาสักครั้ง เขาได้สร้างความอัศจรรย์ให้กับตลาดศิลป์ของโลกมาแล้วหลายครั้ง เพราะผลงานของเขาขึ้นแท่นผลงานที่ติดอันดับของโลก เนื่องจากมีราคาที่สูงเป็นที่ต้องการของคนในวงการศิลป์

โดยเหตุการณ์ที่คนทั้งโลกเกือบจะรู้จักเขาหมด เป็นในตอนเมื่อครั้งประมูลงานศิลปะในงานหนึ่ง เมื่อการประมูลจบลงก็เกิดเหตุการณ์ที่ผลงานนั้นได้ทำลายตนเองลง ย้ำว่าทำลายตนเองโดยเครื่องตัดกระดาษที่แอบซ่อนอยู่กับผลงานนั้น นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมากมายของเขาที่สร้างความตกตะลึงเช่นนี้

และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบุคคลคุณภาพในแวดวงศิลปะ เพราะศิลปะนั้นมีการพัฒนาอยู๋เสมอและปรับเปลี่ยนวิถีทางไปตามอิทธิพลของสังคม ทำให้ศิลปะยังคงอยู่ในจิตใจของทุกคน และไม่สูญสลายไปง่ายๆ อีกทั้งมีศิลปินรุ่นใหม่เกิดขึ้นอยู่ทุกที่ ทุกเวลา

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  gclub

ตำนานบ้านขังวิญญาณ

    เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงโดยมีครอบครัวหนึ่งเป็นผู้ประสบพบเจอซึ่งครอบครัวนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวว่าพวกเขาได้ไปซื้อบ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านมือสองโดยบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีอาณาเขตกว้างขวางและสวยงามตัวบ้านมีสภาพสมบูรณ์และขายในราคาที่ไม่แพงมากนัก

และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาพากันย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวในช่วงแรกๆนั้นพวกเขารู้สึกว่ามีคนอยู่ภายในบ้านโดยที่พวกเขานั้นไม่เห็นซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะได้ยินเสียงเดินหรือเสียงหัวเราะหรือเป็นเงาของคนสูงใหญ่เดินอยู่ภายในบ้าน ทำให้คนในครอบครัวนี้อยู่กันแบบไม่เป็นสุขแล้

หวาดผวาเป็นอย่างมากจนในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจทำบุญบ้านครั้งยิ่งใหญ่เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับวิญญาณที่อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวแต่ในขณะที่พวกเขากำลังกรวดน้ำให้นั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงผู้ชายตอบกลับมาว่าเขาไม่เอาซึ่งหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ไปหาสาเหตุของเสียงที่มาของวิญญาณที่อยู่ภายในบ้านหลังนั้น

โดยทราบมาว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นมีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ ซึ่งอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้แล้วโดยครอบครัวนี้มีพ่อแม่แล้วก็ลูกสาวซึ่งคุณเป็นพ่อนั้นมักจะดื่มสุราเมามายอยู่เป็นประจำอยู่มาวันหนึ่งคนเป็นพ่อได้ก่อคดีฆาตกรรมฆ่าภรรยาและลูกสาวของตนเองเสียชีวิตหลังจากนั้นก็ฆ่าตัวตายตาม

และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหากใครมาอยู่บ้านหลังดังกล่าวนั้นก็มักจะเจอกับวิญญาณของครอบครัวนี้มาคอยหลอกหลอนที่สำคัญหลังจากที่ครอบครัวของชายหนุ่มคนนี้ได้ย้ายออกจากบ้านหลังดังกล่าวก็มีอีกหลายครอบครัวที่ย้ายเข้ามาอยู่แทนซึ่งทุกครอบครัวที่เข้ามาอยู่บ้านหลังนี้

ก็จะต้องพบเจอกับเรื่องราวสยองขวัญซึ่งบางครอบครัวนั้นก็ได้รับอันตรายจนถึงกับบาดเจ็บสาหัสหรือบางครอบครัวก็ทำให้มีคนตายเกิดขึ้นด้วยนั่นเองทำให้บ้านหลังดังกล่าวนั้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านได้มีการบอกกล่าวถึงความสยองขวัญของบ้านขังวิญญาณนั้น

และไม่มีใครที่จะกล้ามาซื้อบ้านหลังดังกล่าวต่ออีกเลยทำให้ปัจจุบันนี้บ้านหลังนี้ยังคงถูกปล่อยรกร้างเอาไว้และมีมีใครกล้าที่จะมาเข้าใกล้บ้านหลังนี้เพราะต่างก็เกรงกลัววิญญาณที่อยู่ในบ้านหลังนี้จะเกิดความอาฆาตและทำร้ายนั่นเอง 

ซึ่งเรื่องเล่าความน่ากลัวนี้ได้มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ให้ผู้คนได้ชมกัน จนถึงปัจจุบันนี้ตำนานเรื่องเล่าของบ้านสยองขวัญนี้ก็ยังคงมีการเล่ากันมารุ่นต่อรุ่น และยังมีรายการผี บางรายการเข้าไปถ่ายทำเผื่อหวังจะเจอกับวิญญาณเหล่านั้นอีกด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  คาสิโนสด

ประวัติกีฬาปิงปอง

      สำหรับกีฬาปิงปองนั้นมีในประเทศไทยมาแล้วหลายปีแต่จุดเริ่มต้นจริงๆนั้นเกิดขึ้นที่ต่างประเทศโดยประเทศที่มีการเล่นกีฬาปิงปองประเทศแรกก็คือประเทศอังกฤษนั่นเอง

ซึ่งปีแรกที่มีการเริ่มเล่นกีฬาปิงปองกันนั้นเริ่มขึ้นมาในปีคริสต์ศักราช 1890 โดยสมัยนั้นปกรณ์ในการตีลูกปิงปองยังไม่เกินเหมือนในปัจจุบันซึ่งคนในสมัยก่อนนั้นมีการนำไม้มาใช้สำหรับตีลูกปิงปองโดยจะเอาหนังสติ๊กหม้อหุงต้มทำให้เกิดความนุ่มขึ้นแต่ลักษณะของไม้ตีปิงปองในสมัยก่อนกับสมัยปัจจุบันก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก

และคนในสมัยก่อนยังใช้พลาสติกมาผลิตเป็นลูกปิงปองซึ่งพลาสติกดังกล่าวนั้นเป็นพลาสติกผสมการสังเคราะห์ และเวลาเล่นการเล่นกับโต๊ะซึ่งโตก็จะเป็นโต๊ะไม้ดังนั้นเวลาตีลูกจะเกิดเสียงระหว่างลูกกระทบกับพื้นโต๊ะทำให้เกิดเสียงดังขึ้นมาซึ่งเสียงที่ดังขึ้นนั้นมีลักษณะคล้ายกับ การออกเสียงปิ๊ก ป๊อก ทำให้กีฬาชนิดนี้ถูกตั้งชื่อเรียกว่าปิงปอง

โดยมีการตั้งชื่อขึ้นมาให้สอดคล้องกับเสียงที่ลูกบอลกระทบกับโต๊ะนั่นเองหลังจากที่เป็นที่นิยมกันมากในประเทศอังกฤษกีฬาชนิดนี้ก็มีการเผยแพร่ออกไปอีกหลายประเทศโดยตอนที่ได้รับการเผยแพร่ต้นแรกๆนั้นก็คือกลุ่มประเทศในโซนยุโรปซึ่งหลังจากที่กลุ่มประเทศทางโซนยุโรปได้มีการเข้ามาเริ่มเล่นปิงปองก็ได้มีการพัฒนา

ไม่ว่าจะเป็นวิธีการเล่นวิธีการจับไม้หรือแม้แต่รูปแบบของอุปกรณ์ในการแล่นเพราะหลังจากที่มีการเล่นปิงปองด้วยการใช้อุปกรณ์แบบเดิมมาได้สักระยะหนึ่งช่วงประมาณปีคริสตศักราช 1914 การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ในการผลิตไม้ตีปิงปองและลูกปิงปองโดยไม้ตีปิงปองนั้น

จากเดิมที่จะใช้หนังของสัตว์มาหุ้มกับไม้ปิงปองก็ถูกเปลี่ยนมาใช้เป็น ยางมาหุ้มกับไม้ปิงปองแทนจากเดิมที่เคยใช้เป็นหนังสัตว์ซึ่งอย่างนี้จะมีการติดเม็ดยางเอาไว้ด้วย  หลังจากนั้นก็มีการพัฒนาวิธีการเล่นและวิธีการจับไม้ปิงปองเรื่อยมาซึ่งในปีคริสต์ศักราช 1922

ได้มีการออกกฎใหม่เกี่ยวกับเรื่องของการจดทะเบียนทางด้านการกีฬาโดยมีการเปลี่ยนชื่อจากกีฬาปิงปองมาเป็นกีฬาเทเบิลเทนนิสแทน แต่นักกีฬาปิงปองหรือกีฬาเทเบิลเทนนิสก็กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายถึงขนาดที่ว่าได้มีการจัดการแข่งขันกีฬาปิงปองขึ้น

โดยเป็นการแข่งขันระดับโลกซึ่งเชิญหลายประเทศมาร่วมในการแข่งขันซึ่งการจัดการแข่งขันครั้งแรกนั้นจัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษโดยจัดที่กรุงลอนดอนสำหรับการจัดแข่งขันในปีแรกนั้นมีการจัดขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1926 โดยจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนั่นเอง และหลังจากนั้น กีฬาปิงปองก็เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศแถบเอเซีย

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย      ีดฟิำะ