แนะนำ เที่ยวประเพณีการไหลเรือไฟจังหวัดนครพนม 

เที่ยวประเพณีการไหลเรือไฟ ในทุกๆปีจังหวัดนครพนมจะมีการจัดประเพณีอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งจะต้องอยู่กับช่วงเทศกาลวันออกพรรษาโดยจะมีการจัดบริเวณริมแม่น้ำโขงซึ่งจุดที่มีการจัดงานนั้นจะจัดบริเวณศาลากลางประจำจังหวัด

  โดยประเพณีนี้นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากจะพากันเดินทางเพื่อไปร่วมงานซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมมหกรรมไหลเรือไฟซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์อันเก่าแก่และล้ำค่าประจำจังหวัดเลยก็ว่าได้และเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างประเทศให้ไปชมความงดงามของประเพณีและวัฒนธรรมของชาวจังหวัดนครพนมกัน 

         สำหรับความยิ่งใหญ่อลังการน่าตื่นตาตื่นใจของประเพณีไหลเรือไฟของจังหวัดนครพนมนั้นมีเกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ซึ่งแม่น้ำโขงยามค่ำคืนจะมีความสวยงามเนื่องจากว่าจะสว่างไสวจากไฟที่มีการประดับประดาบนเรือซึ่งมีการสร้างเรือให้ลอยไปตามแม่น้ำตามความเชื่อของคนในสมัยโบราณที่เชื่อกันว่าเป็นการบูชาพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในแม่น้ำโขง

ซึ่งชาวบ้านจะมีการนำเรือมาล่องกลางแม่น้ำโขงและนำตะเกียงนักเหมือนดวงและดวงไฟนับพันดวงมาประดับประดาเป็นรูปทรงต่างๆทำให้เกิดความสวยงามซึ่งเกิดจากความศรัทธาของประชาชนชาวจังหวัดนครพนมและนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยี่ยมชมความงดงาม 

         อย่างไรก็ตามผู้คนให้ความสำคัญเกี่ยวกับประเพณีการไหลเรือไฟเป็นอย่างมากเพราะเชื่อว่ายิ่งมีการประดับประดาเรือไฟให้มีความสวยงามสว่าง

ช่วยมากแค่ไหนก็จะยิ่งทำให้ประสบความสําเร็จในชีวิตและชีวิตแต่มีแต่ความรุ่งโรจน์สว่างไสวมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นประเพณีการไหลเรือไฟจึงถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนมเลยก็ว่าได้

         นอกจากนี้ประเพณีการไหลเรือไฟยังเป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดนครพนมในช่วงเทศกาลวันออกพรรษาเพราะว่าประเพณีการไหลเรือไฟนั้นเป็นประเพณีที่มีความงดงามและยังมีกิจกรรมอื่นๆให้นักท่องเที่ยวทำอีกเยอะแยะมากมาย  เครดิตฟรี gclub    ซึ่งในแต่ละปีนั้นก็จะมีคนสร้างเรือไฟที่มีแนวความคิดสร้างสรรค์แตกต่างกันในแต่ละปีมาประชันขันแข่งกันว่าของใครนั้นจะมีความงดงามมากกว่ากัน 

        อย่างไรก็ตามการจัดประเพณีการไหลเรือไฟนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกเยอะแยะมากมายทั้งการออกบูธการแสดงต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงศิลปะวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมดังนั้นหากใครมีเวลาว่างก็สามารถเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดนครพนมในช่วงเวลาดังกล่าวได้ ซึ่งโดยปกติแล้วทางจังหวัดนครพนมจะมีการจัดประเพณีการไหลเรือไฟประมาณ 7 วันโดยมีกิจกรรมทั้งกลางวันและช่วงเวลากลางคืนเลยทีเดียว

ลูกทรพีเมาคลั่ง ยิงพ่อตาย – ญาติบาดเจ็บ 

ลูกทรพีเมาคลั่ง ยิงพ่อตาย  ที่จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสนโพนทองได้รับแจ้งว่าที่บ้านหลังหนึ่งที่ตำบลแวงได้มีเหตุการณ์ยิงกันเกิดขึ้นโดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็พบว่ามีผู้ถูกยิงจำนวน 3 คนด้วยกันโดยคนแรกนั้นอายุ 57 ปี

ถูกยิงที่บริเวณหน้าอกด้านขวาและที่หัวอาการสาหัส  ส่วนคนที่สองนั้นอายุ 59 ปีถูกยิงที่แขนและช่องท้อง  คนที่ 3 อายุ 30 ปีถูกยิงที่หัวเข่าด้านซ้าย  ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รีบดำเนินการปฐมพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บทั้ง 3 คนก่อนที่จะนำส่งตัวไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลโพนทองอย่างไรก็ตามหลังจากที่ไปถึงโรงพยาบาลได้ไม่นานผู้บาดเจ็บที่ถูกยิงที่ศีรษะก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

          จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคนที่ลงมือก่อเหตุยิงคนในบ้านหลังดังกล่าวนั้นคือลูกชายของผู้เสียชีวิต

  โดยผู้ก่อเหตุนั้นปกติแล้วจะทำงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรีแต่เนื่องจากว่าหยุดในเทศกาลวันสงกรานต์จึงได้เดินทางกลับมาบ้านพึ่งมาถึงบ้านเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 เดือนเมษายนปีพศ. 2565  อย่างไรก็ตามเพื่อนบ้านไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเพราะในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ยิงกันนั้นฝนตกลงมาอย่างหนักได้ยินเพียงแค่เสียงปืนดังขึ้นหลายนัด

          ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลก็ได้พบว่าทางผู้ก่อเหตุนั้นยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวแต่ยังอยู่ในระหว่างการมึนเมาซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสาเหตุของการยิงกันในครั้งนี้นั้นเกิดจากที่ผู้ก่อเหตุเมาสุราอาละวาดทำให้ผู้เป็นพ่อและญาติๆพากันเข้าไปห้ามปรามทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจใช้อาวุธปืนยิงพ่อของตนเองและญาติที่มาห้ามหลังจากนั้นก็ขึ้นไปบนชั้นสองของตนเองอยู่ภายในบ้าน

         อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวและพยายามเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวแต่ทางผู้ก่อเหตุยังไม่ยอมมอบตัวและมีการใช้อาวุธปืนยิงสวนมาทางท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย  ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงหวังว่าจะมีการเจรจาให้ผู้ก่อเหตุมอบตัวไม่อยากใช้ความรุนแรง

       อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดล้อมตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 12 มาจนถึงช่วง 04:00 น ของวันที่ 13 แต่คนร้ายก็ยังไม่ยอมมอบตัวอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานงานไปยังลูกสาวคนโตของผู้ก่อเหตุเพื่อให้มาช่วยเรียกของผู้ก่อเหตุให้ยอมมอบตัวซึ่งจนถึงปัจจุบันนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังคงปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีไปที่อื่น

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  ufabet เว็บตรง

ขั้วโลกใต้ที่ The Antarctic, South Pole 

     เชื่อว่าหากเอ่ยขื่อ  The Antarctic, South Pole คงแทบจะไม่มีใครเคยรู้จักกันเลยทีเดียวไม่ต้องพูดถึงว่าใครเคยไปเที่ยวสถานที่แห่งนี้บ้างสำหรับ  The Antarctic, South Pole นั้นอยู่ในเขตพื้นที่ของขั้วโลกใต้ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียวดังนั้นในวันนี้เราจะมีการพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่เราสามารถไปเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลินและถ้าหากใครที่ชื่นชอบอากาศเย็นมากๆและทนทานต่อความเย็นของน้ำแข็งได้แล้วเราก็แนะนำว่าลองไปเที่ยวขั้วโลกใต้กันดูนะคะ 

ขั้วโลกใต้ที่ The Antarctic, South Pole  อย่างที่เรารู้กันดีว่าขั้วโลกใต้นั้นอยู่ไกลมากเรียกได้ว่าอยู่อีกซีกโลกหนึ่งของประเทศไทยเลยก็ว่าได้เรียกได้ว่าอยู่ใต้สุดของทวีปนั่นเอง

ซึ่งแน่นอนว่าการเดินทางไปนั้นค่อนข้างลำบากแต่ถ้าหากใครมีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ขั้วโลกใต้แล้วรับรองว่าคุณจะประทับใจกับความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้  ufabet เว็บแม่  สำหรับที่ขั้วโลกใต้แห่งนี้นั้นมีขนาดพื้นที่อยู่ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกเลยก็ว่าได้ 

      พื้นที่ทั้งหมดของขั้วโลกใต้ นั้นแทบจะไม่มีพื้นดินเลยเพราะส่วนใหญ่นั้นปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเรียกได้ว่าการเดินทางมาขั้วโลกใต้คุณต้องจะเผชิญกับอากาศที่เหน็บหนาวเป็นอย่างมากหนาวอย่างที่คุณไม่เคยรู้สึกมาก่อนใครที่เดินทางไปเที่ยวประเทศทางยุโรปหรือแม้แต่ญี่ปุ่นในช่วงที่มีหิมะตกก็ยังไม่หนาวเท่ากับการเดินทางมาเที่ยวที่ขั้วโลกใต้เลยทีเดียว

         อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแนวผจญภัยการเดินทางมาที่ขั้วโลกใต้เหมือนกับคุณได้พิชิตความหนาวเย็นเป็นการท่องเที่ยวแนวใหม่ซึ่งรับรองได้เลยว่าคุณจะต้องตื่นตาตื่นใจตื่นเต้นอย่างแน่นอนเนื่องจากที่ขั้วโลกใต้นี้มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายนอกจากนี้ยังมีสัตว์น่ารักๆมากมายไม่ว่าจะเป็นเพนกวินหรือแม้แต่แมวน้ำเป็นต้นนอกจากนี้กิจกรรมที่ทำในขั้วโลกใต้นั้นก็มีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดบางคนนั้นเรื่องที่จะทำกิจกรรมกระโดดลงไปในแม่น้ำ

ซึ่งถือว่าน้ำนั้นมีความเย็นเป็นอย่างมากเป็นการฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายหรือเบื้องต้นจะนั่งเรือเพื่อชมความสวยงามของภูเขาน้ำแข็งและสัตว์น้ำนอกจากนี้จะหาใครอยากให้เลือกใครอยากไปดูบรรยากาศภายในขั้วโลกใต้ก็สามารถทำได้ด้วย 

           อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอากาศที่ขั้วโลกใต้นั้นจะเป็นที่สุดของที่สุดไม่ว่าจะเป็นลมแรงที่สุดหรืออากาศที่หนาวเย็นที่สุดหรือมีความสูงที่สุดของโลกและแห้งแล้งมากที่สุดของโลกแต่ที่นี่นั้นก็นับได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเที่ยวเป็นอย่างมากซึ่งสักครั้งหนึ่งในชีวิตควรจะลองมาเที่ยวดูสำหรับที่นี่ถึงแม้ว่าจะเป็นที่สุดของทุกสิ่งแต่ก็มีประชากรอาศัยอยู่ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ที่ขั้วโลกใต้นั้น

ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นพวกนักวิจัยหรือนักวิทยาศาสตร์ซึ่งมีราวๆ 1,000 ถึง 1,500 คนนั่นเองนอกจากนี้ในแต่ละปีก็จะมีนักท่องเที่ยวปีจำนวนไม่ถึง 100 คนที่เดินทางมาเที่ยวเพราะต้องการสัมผัสธรรมชาติความหนาวเหน็บของขั้วโลกใต้      

เวียดนามเหนือบุกตีเมืองไซ่ง่อน ของเวียดนามใต้แตก

ซึ่งในปี1964ได้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ของทางฝั่งเวียดนามเหนือเพราะว่า ลุงโฮจิมินห์ หัวใจวายตายไป แต่ชาวเวียดนามเหนือก็ไม่ได้หยุดสู้แค่แบบว่าเหมือนพักรบ3วันเพื่อไว้อาลัยหลังจากนั้นก็ลุกขึ้นมาสู้ต่อภายใต้การนำของผู้นำคนใหม่แล้วก็เหมือนกับน้อมนำคำสอนของลุงโฮจิมินห์มาใช้ต่อ

เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งในปี1971 The New York Times หนังสือพิมพ์ที่สหรัฐอเมริกาดันตีพิมพ์สิ่งที่เรียกว่า The Pentagon Papers

เวียดนามเหนือบุกตีเมืองไซ่ง่อน เป็นเอกสารลับเปิดโปงการทำสงครามในเวียดนามทั้งหมดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่2จนกระทั่งถึงปี1968

ซึ่งในเอกสารเหล่านี้ที่เป็นเอกสารของรัฐบาลมันดันเขียนแฉเอาไว้หมดเลยว่าที่ผ่านมาอเมริกาไปทำสงครามลับอะไรบ้างที่ไม่เคยปรากฎอยู่ในสื่อเคยทำอะไรไปบ้างคนอเมริกาตอนนั้นจริงๆก็ประมาณอยู่แล้วว่าจะส่งลูกหลานเราไปรบที่เวียดนามทำไมมันรุนแรงไปหรือเปล่าพอเจอเอกสารชิ้นนี้เข้าไป

ชาวอเมริกาต่อต้านสงครามเวียดนามหนักกว่าเดิมจนกระทั่งในปี1972ทหารบกสหรัฐก็ถอนกำลังออกจากเวียดนามจนหมดถือว่าเป็นการจบกระบวนการ Vietnamisation และแน่นอนว่าในปีเดียวกันไทยก็จะต้องถอนทหารไทยออกเช่นกันอย่างไรก็ตามถึงทหารบกจะถอนออกไปแล้ว

แต่ปีนี้ยังเป็นปีที่สหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดรัวๆไม่ว่าจะเป็นที่ลาวกัมพูชาหรือว่าเวียดนาม จนกระทั่วในปี1973 การเจรจาตกลงอะไรถึงจะจบลงจริงๆแล้วก็เกิดเป็น  ufabet ฝาก-ถอน ออโต้     สิ่งที่เรียกว่า Paris Peave Accords เนื้อหาในนั่นระบุเอาไว้ว่าให้สหรัฐอิเมริกาถอนทหารออกจากเวียดนามจริงๆเสียที

เพื่อเป็นการจบสงครามอเมริกาอย่าลืมว่าคนทั่วโลกเรียกสงครามเวียดนาม แต่แน่นอนในเวียดนามก็จะต้องรู้สึกว่านี่มันสงครามอเมริกาที่มาบุกประเทศเรา สิ่งที่เหลืออยู่จากเหตุการณ์นี้ก็คือที่ชาวเวียดนามปะทะกันเองแล้วคือเวียดนามใต้ก็ต้องพยายามปกป้องตัวเองจากเวียดนามเหนือ

ซึ่งเวียดนามเหนือก็แข็งแก่งขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งในที่สุดในปี1975 เวียดนามเหนือถึงสามารถบบุกเข้าไป ตีเมืองไซ่ง่อนที่เป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้แตกแล้วก็เปลี่ยนชื่อเมืองเป็น โฮจิมินห์ซิตี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทางตะวันตกจะเรียกว่า The Fall of Saigon หรือว่า ไซ่ง่อนแตกถือเป็นการจบสงครามเวียดนามอย่างเป็นทางการต้องบอกเลยว่าสงครามเวียดนามมีผลกระทบเยอะมากเลยทีเดียว

ถ้าหากเอาง่ายแค่เรื่องคนตายไม่สามารถประเมิลได้เลยว่ามีคนตายไปเท่าไหร่แต่ว่าพอเดาๆกันได้ว่าน่าจะหลายล้านคนเพราะว่าแค่ชาวเวียดนามจากเหตุการณ์ก็ตายกันไป1-3ล้านคนแล้วนี่ยังไม่ได้นับผลกระทบจากประเทศข้างๆที่โดนเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นในลาวในกัมพูชาหรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ตาม

การปฏิวัติซินไฮ่ครั้งที่ 2 ของซุนยัตเซน

สำหรับกลุ่มพันธมิตรแห่งการปฏิวัติ หรือ กลุ่มถงเหมิงฮุ่ย ที่ซุนยัตเซนตั้งขึ้นเพื่อการปฏิวัติก็ยุบไปและตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแทนโดยใช้ชื่อพรรคว่า ก๊กมิน ตั๋ง หรือพรรคคณะชาตินั่นเองแต่แล้วหยวนซื่อข่ายก็ล้มโต๊ะโยยึดอำนาจไว้ทั้งหมดไม่แบ่งให้ใครเริ่มปกครองจีนแบบเผด็จการมีการแบนพรรคการเมืองกำจัดศัตรูทางการเมือง

การปฏิวัติซินไฮ่ครั้งที่ 2 ของซุนยัตเซน นักการเมืองถูกลอบสังหารซุนยัตเซนต้องลี้ภัยออกจากประเทศจีนไปอยู่ที่ญี่ปุ่นหยวนซื่อข่ายได้พยายามจะรื้อฟื้นราชวงศ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ตั้งใจจะแต่งตั้งตัวเองให้ตัวเองเป็นจักรพรรดิโดยดีที่ทำไม่สำเร็จเพราะเกิดป่วยและเสียชีวิตไปในปี 1916 นั่นเอง เมื่อจอมทัพที่มีอำนาจมากที่สุดเสียชีวิตไป

คนที่สืบทอดออำนาจต่อตาก หยวน ซื่อข่าย ต่างไม่มีอำนาจมากพอทำให้จีนในตอนนั้นถึงแม้จะมีรัฐบาลทหารที่ปักกิ่งแต่ตามมณฑลต่างๆก็เกิดการแข็งเมืองแม่ทัพแต่ละคนเริ่มสะสมกำลังเองเก็บภาษีเองปกครองตัวเองโดยไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับรัฐบาลช่วงหลังปี 1916 จีนก็แตกออกเป็นหลายๆกลุ่ม

ซึ่งเรียกยุคนี้ว่าจีนยุครัฐขุนศึกคือยิ่งกว่ายุค 3 ก๊กเสียอีกเพราะมีเป็นสิบๆก๊กเลย เวลาผ่านมาถึงปี 1921 สิบปีหลังจากการปฏิวัติซินไห่ท่ามกลางประเทศจีนที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆพรรค ก๊ก มิน ตั๋ง ก็กลับมาที่จีนอีกครั้งและตั้งรัฐบาลที่กวางตุ้งแข่งกับรัฐบาลทหารที่ปักกิ่ง

ถือเป็นการปฏิวัติครั้งที่ 2 แต่การปฏิวัติรอบนี้ ซุน ยัตเซน ไม่อยากพลาดซ้ำรอยเดิมคิดว่าต้องมีกำลังทหารเป็นของตัวเองซะก่อนไม่อย่างนั้นก็จะโดนคนถืออาวุธมายึดอำนาจไปอีก

ดังนั้นก๊กมินตั๋งก็เลยต้องสร้างกองทัพมีการตั้งโรงเรียนนายร้อยขึ้นมาแล้วก็หาสปอนเซอร์รายใหญ่ด้วย แต่ปัญหาก็คือสปอนเซอร์หายากซะแล้วเพราะผลจากการปฏิวัติซินไฮ่ก็ออกมาดูไม่จืดอย่างที่ทุกคนเห็นเพราะลงเอยทำให้ประเทศแตกออกเป็นเสี่ยงๆประเทศเดียวที่ยอมให้การสนับสนุนก็คือสหภาพโซเวียตที่เพิ่งขึ้นมามีอำนาจแบบสดๆร้อนๆไม่กี่ปีที่ผ่านมา

โดยข้อแม้ในการเป็นสปอนเซอร์ของโซเวียตก็คือ พรรค ก๊ก มิน ตั๋ง ต้องร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนดีลของสามฝ่ายก็เลยลงตัวโซเวียตได้โอกาสเผยแพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ซุนยัตเซนได้กองทัพพรรคคออมมิวนิสต์จีนได้โอกาสตั้งไข่

หลายคนอาจจะงงว่าทำไมซุนยัตเซนถึงยอมรับการช่วยเหลือจากคอมมิวนิสต์ซะเองแล้วทำไมคอมมิวนิสต์ถึงไปร่วมมือกับ ซุน ยัต เซน ที่เป็นตัวแทนการปฏิวัติฝ่ายเสรีนิยมก็ต้องทำความเข้าใจก่อนโลกยังไม่ได้เกลียดกลัวคอมมิวนิสต์เท่าช่วงหลังลงครามโลก

 

สนับสนุนโดย  sa gaming บาคาร่า

ทำไมเราต้องอยากรู้เส้นทางการมาเป็นประชาธิปไตยของอังกฤษ 

การมาเป็นประชาธิปไตยของอังกฤษ  นอกเหนือไปจากสาเหตุที่ว่าอังกฤษเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยแล้วอีกสาเหตุก็เพราะว่าเวลามีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่อง การเมืองการปกครองหรือการมีอยู่ของสถาบันต่างๆ

อังกฤษก็มักจะเป็นประเทศที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับเราอยู่เสมอ

แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่ากว่าประชาธิปไตยในอังกฤษจะมีเสถียรภาพขนาดนี้ใช้เวลานานแค่ไหนผ่านอะไรมาบ้างและปัจจุบันเป็นอย่างไรเป็นเรื่องค่อนข้างชันเจนว่าการจะบรรลุเป้าหมาย การเป็นสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริงนั้นไม่ใช่เรื่อง่ายถ้าเกิดง่ายป่านนี้บ้านเราคงเป็นประเทศโลกที่ 1 ไปแล้วมั้ง

สำหรับอังกฤษหรือสหราชอาณาจักรนี้ก็เช่นเดียวกันประชาธิปไตยไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หรือกะทันหันข้ามคืนแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆบ้างใหญ่ๆบ้างที่สะสมสลับกันมาเรื่อยๆตลอดหลายร้อยปีบางการเปลี่ยนแปลงก็เกิดจากการปฏิวัติ

บางครั้งก็เป็นการตกลงกันได้เองในรัฐสภาแต่ถ้าจะสรุปให้เห็นภาพใหญ่อย่างรวบรัดการพัฒนาทางการเมืองของอังกฤษนั้นแบ่งเป็นเวทีมวยได้ 3 เวทีใหญ่ๆ นั่นก็คือ ระหว่างกษัตริย์ และ ขุนนาง ในยุคศักดินา ระหว่าง กษัตริย์ และ รัฐสภาและคู่สุดท้ายก็คือ ระหว่างรัฐสภา หรือ รัฐบาล และ ป ระชาชน 

ถ้าหากเราย้อนกลับไปดูเรื่อง มหากฎบัตร หรือ แมกนา คาร์ตา เอกสารฉบับแรกที่ขุนนางเจ้าของที่ดินหรือที่เรียกว่าพวกบารอนบังคับให้พระเจ้าจอห์นเซ็นในคริสต์ศักราชที่ 1215 

ซึ่งถือเป็นเอกสารฉบับแรกที่ประกาศว่ากษัตริย์จะทำทุกอย่างตามอำเภอใจไม่ได้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนคนธรรดาตรงไหนเลยเหล่าบารอนไม่ได้บังคับให้กษัตริย์เซ็นเอกสารเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั่วไปเขาบังคับให้เซ็นเพื่อยกเลิกการใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจไม่จำกัดของกษัตริย์

กษัตริย์จะได้ไม่มาเอาแต่ใจกับเหล่าบารอนมาจับลูกหลานบารอนไปขังถ้าขัดคำสั่งที่สำคัญเพื่อห้ามกษัตริย์ไม่ให้ไถเงินพวกบารอนได้ตามอำเภอใจ  gclub ฝาก ขั้นต่ำ 20   อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าสนใจแม้แต่ก่อนยุคของแมกนา คาร์ตา ในพิธีขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ก็จะมีพระราชดำรัสเป็นคำมั่นสัญญาต่อขุนนางและบารอน

ในโครงสร้างศักดินาว่าจะทรงรับประกันสิทธิต่างๆของขุนนางและบารอนด้วยวาจามาตลอดธรรมเนียมนี้มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1000 ต้นๆตอนที่กษัตริย์และขุนนางอังกฤษร่วมมือกันปฏิรูปอำนาจของศาสนจักรและนำเกาะอังกฤษออกจากภายใต้การปกครองโดยตรงของศาสนจักรที่กรุงโรม

เรื่องของเรื่องก็คือเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงยุคของพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์หรือ Richard The Lion Heart จะมีการทำสงครามครูเสดอย่างยาวนานทำให้กษัตริย์ถังแตกและต้องหันมารัดภาษีเอาจากประชาชนและขุนนางมากขึ้น

การสำรวจเส้นทาง เฮนรี ฮัตสัน อาณาจักรนิวเนเธอร์แลนด์

การสำรวจเส้นทาง เฮนรี ฮัตสัน ซึ่งรายได้หลักในการพัฒนาประเทศมาจากการทำการค้าขายเครื่องเทศกับเอเชียโดยดัชได้ใช้เส้นทางการค้าของโปตุเกสเพื่อมาแลกเปลี่ยนสินค้ากับเอเชียที่ท่าเรือโปตุเกส

แต่ภายหลังโปตุเกสกลัวว่าดัชจะมีอำนาจทางการค้าเหนือกว่าตนจึงได้ทำการผูกขาดสินค้าและห้ามไม่ให้ดัชเข้าไปค้าขายที่ท่าเรืออีกต่อไป

ชาวดัชไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงได้มีการรวมทุนกันระหว่างพ่ออค้าและนายธนาคารของดัชก่อตั้งบริษัทอินเดียตะวันออก เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1602 และภายหลังได้รับแรงสนับสนุนจากรัฐบาลของดัชให้บริษัทมีอำนาจทางด้านเศรษฐกิจภายในประเทศทั้งหมดทำให้บริษัทได้ส่งนักเดินเรือออกสำรวจหาเส้นทางการค้าใหม่มาทางทิศตะวันตกโดยผ่านอเมริกามายังเอเชีย

การเข้ามาตั้งอาณานิคมของนิวเนเธอร์แลนด์มี2ระยะ ระยะที่ 1 เป็นระยะของการสำรวจเพื่อค้นหาเส้นทางการค้าระหว่างอเมริกาไปยังเอเชีย โดยวันที่ 4 เมษายน คริสต์ศักราช1609 เฮนรี ฮัตสัน พร้อมลูกเรืออีก20คน ออกสำรวจจากประเทศเนเธอร์แลนด์  ตามเส้นทางของ จีโอวานิ ดา เวอร์ราชาโน มาทางทิศตะวันตกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาถึงอเมริกาเหนือ

จึงได้พบกับแม่น้ำฮัตสันจึงเข้าสำรวจไกลกว่า240กิโลเมตรถึงเมืองAlbanyซึ่งอยู่ทางตอนกลางของแม่น้ำฮัตสันและได้พบกับชาวอินเดียเผ่าหนึ่งชาวอินเดียได้ต้อนรับเป็นอย่างดีโดยชาวอินเดียได้มอบใบชาสีเขียนและสูบก้อนที่ทำจากทองแดงให้แก่ เฮนรี ฮัตสัน 

พร้อมบอกว่าแม่น้ำนี้ไม่สามารถไหลออกสู่เอเชียได้แต่ เฮนสัตก็ไม่ละความพยายามเขาได้สำรวจแม่น้ำต่อนานถึง17วัน

จึงทำให้รู้ว่าแม่น้ำนี้ไม่สามารถที่จะทะลุไปยังเอเชียได้ฮัตสันจึงตัดสิ้นใจเดินทางกลับเนเธอร์แลนด์ ระยะที่ 2 เป็นระยะของการเข้ามาตั้งอาณานิคมการสำรวจขของ เฮนรี ฮัตสัน ทำให้ในปีคริสต์ศักราช 1614 บริษัทอินเดียตะวันออกของดัชได้เข้ามาสำรวจและเห็นดินแดนแห่งนี้เหมาะแก่การค้าขาย

ซึ่งได้ทำการยึดครองพื้นที่ในบริเวณเมืองALBANYและตั้งชุมชนการค้าในปีคริสต์ศักราช 1621 เพื่อใช้ในการค้าขายกับชาวอินเดียนโดยชวอินเดียนจะล่าสัตว์และนำขนสัตว์เช่น ขนแกะ ขนบบีเวอร์ มอบให้แก่พ่อค้าดัช ส่วนพ่อค้าดัชก็ได้มอบลูกปัทที่ทำจากแก้วเครื่องมือล่าสัตว์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับชาวอินเดียนเป็นการาตอบแทน

นอกจากนี้ 3 ปี ต่อมาบริษัททอินเดียตะวันออกของดัชได้ส่ง ปิเตอร์ มินูอิท ได้เข้ามาดูแลชุมชนการค้าพร้อมนำชวดัชจำนวน 30 ครอบครัวเข้ามาตั้งมั่นในดินแดนตอนเหนือของลุ่มแม่น้ำฮัตสันทำให้จำนวนประชากรของดัชในทวีปอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจึงจำเป็นจะต้องขยายพื้นที่ไปยังทิศตะวันตกถึงทะเลสาบอิรีรัฐออนแทริโอและทิศใต้ของอ่าวเดลาแวร์ถือเป็นการตั้งมั่นถวายแห่งแรกของดัชในทวีปอเมริกาเหนือเรียกดินแดนแห่งนี้ว่านวิเนเธอร์แลนด์

 

สนับสนุนโดย  ufabet เว็บหลัก

ประวัติพระธาตุดินแทน จังหวัดเลย 

        ประวัติพระธาตุดินแทน หากเราจะพูดถึงพระธาตุเก่าแก่ที่มีอายุเกินกว่า 200 ปีขึ้นไปเชื่อว่าหลายคนคงรู้ดีว่าในประเทศไทยนั้นมีพระธาตุเก่าแก่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมดและในในจินตนาการพระธาตุของแต่ละคนนั้น

ก็จะสร้างไว้อย่างสวยงามจากอิฐหรือปูนมีการออกแบบอย่างประณีตมีการแกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง

          อย่างไรก็ตามพระธาตุดินแทนที่จังหวัดเลย ที่เราจะพาไปศึกษาประวัติความเป็นมากันในครั้งนี้นั้นกลับมีความแตกต่างจากพระธาตุที่อื่นๆเพราะที่นี่นั้นเป็นพระธาตุที่สร้างขึ้นมาจากดินโดยเฉพาะเป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ๆไม่มีการนำอิฐนำปูนมาทำการก่อสร้างแม้แต่นิดเดียวซึ่งพระธาตุดินธานีสร้างขึ้นมาจากความศรัทธาของประชาชนโดยเฉพาะเป็นพระธาตุที่มีความแข็งแรงทนทานและก็เรียบง่ายสะท้อนถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

         ดังนั้นพระธาตุดินแทนแห่งนี้จึงเหมือนกับตัวแทนของชุมชนหมู่บ้านแสงภาเป็นปูชนียสถานที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือและเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นมาจากความรักความศรัทธาความเคารพบูชาของชาวบ้านของหมู่บ้านแสงภา นั่นเอง 

        ประวัติความเป็นมาพระธาตุดินแทนที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านแสงภาแห่งนี้นั้นเกิดขึ้นจากความศรัทธาของประชาชนโดยมีการเล่าขานเป็นตำนานจากบรรพบุรุษระบุว่าเดิมสถานที่แห่งนี้

ก็เป็นพื้นที่เป็นลานกว้างธรรมดาทั่วไปมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมซึ่งมีอยู่ครั้งหนึ่งมีพระธุดงค์องค์หนึ่งได้เดินทางมาเจอกับบริเวณแห่งนี้หลังจากนั้นเมื่อพระธุดงค์เห็นว่าหมู่ชาวบ้านนั้นไม่มีศาสนาไปกลับไปนับถือภูตผีปีศาจแทน  ซึ่งชาวบ้านมักจะมีการทำพิธีบวงสรวงขึ้นทุกๆปีโดยในพิธีบวงสรวงนั้นชาวบ้านก็จะมีการฆ่าวัวฆ่าควายเพื่อนำมาเป็นเครื่องสังเวยให้กับภูตผีที่ชาวบ้านนับถือ

             ดังนั้นพระธุดงค์รูปนี้จึงได้ชักชวนให้ชาวบ้านหันมานับถือศาสนาพุทธและได้มีการสร้างสร้างสิ่งที่เป็นตัวแทนแห่งความศรัทธาขึ้นมานั่นก็คือพระธาตุดินแทนนั่นเองโดยพระธุดงค์ได้บอกกับชาวบ้านว่าถ้าหากหันมานับถือศาสนาพุทธและต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่บริเวณพระธาตุดินแทนคุ้มครองชาวบ้านจะต้องมีการปฏิบัติตามกฎ 3 ข้อด้วยกันนั่นก็คือจะต้องไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและจะต้องไม่ทำผิดศีลให้ประพฤติตัวอยู่ในศีลในธรรมนอกจากนี้ยังต้องห้ามเล่นคุณไสยห้ามบูชายัญผี 3 อีกด้วย 

          หลังจากนั้นพระธุดงค์ก็ทำพิธีสร้างพระธาตุดินแทนขึ้นมาโดยการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านโดยมีการสร้างขึ้นในช่วงปีพศ 2546 ซึ่งในวันที่สร้างนั้นตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองดังนั้นในทุกๆปีชาวบ้านก็มักจะมีการนำดินมาเทบนกององค์พระธาตุดินแทน    ufabet เว็บแม่   ซึ่งถ้าหากว่าใครต้องการที่จะขอพรจากองค์พระธาตุดินแทนนั้นก็สามารถถอดรองเท้าแล้วขึ้นไปบนองค์พระธาตุดินแทนตั้งจิตอธิษฐานก็จะได้สมหวังตามที่ขอ 

วัดมิ่งเมือง จังหวัดน่าน

วัดมิ่งเมือง จังหวัดน่าน สำหรับบทความนี้เราจะมีการพูดถึงวัดมิ่งเมืองวัดที่มีความสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดน่านเรื่องจากวัดแห่งนี้นั้นจะเป็นสถานที่ที่มีการสร้างเสาหลักเมืองไว้ภายในวัดแห่งนี้ด้วย

ดังนั้นวัดแห่งนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่และมีความศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งซึ่งวันนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน

         ว่ากันว่าแต่เดิมวัดแห่งนี้นั้นเคยเป็นวัดร้างมาก่อนไม่มีใครสนใจดูแล  ซึ่งแต่เดิมถึงแม้ว่าจะเป็นวัดร้างแต่ก็เป็นสถานที่ที่มีเสาหลักเมืองตั้งอยู่ด้วยเสาหลักเมืองในสมัยโบราณนั้นไม่ได้มีการดูแลเป็นอย่างดีเหมือนในปัจจุบันนี้ซึ่งแต่เดิมนั้นเสาหลักเมืองนั้นมีลักษณะเป็นเพียงแค่ท่อนซุงขนาดใหญ่ 1 ท่อน

ซึ่งความใหญ่ของท่านทรงนั้นต้องใช้คนสองคนถึงจะสามารถล้อมรอบได้  โดยในช่วงประมาณปีพ.ศ 2400 ที่นี่ยังคงเป็นเพียงแค่วัดร้างมีซากวิหารแต่ไม่มีพระสงฆ์อาศัยอยู่จนเมื่อพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดชซึ่งในขณะนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองจังหวัดน่านได้เดินทางมาเห็นวัดร้างแห่งนี้แล้วให้ความสนใจ

พระองค์จึงได้มีการสถาปนาตั้งวัดนี้ขึ้นมาใหม่นำพระสงฆ์เข้ามาอาศัยอยู่และมีวรณะซ่อมแซมตัวโบสถ์วิหารต่างๆของวัดขึ้นมาใหม่พร้อมกันนี้ก็ได้มีการตั้งชื่อวัดขึ้นมาใหม่โดยให้ชื่อว่าวัดมิ่งเมืองหลักนั้นก็เข้ามาดูแลจัดการเกี่ยวกับเรื่องของการบูรณะเสาหลักเมืองอีกด้วย

โดยช่วงประมาณปีพ.ศ 2527 นั้นได้มีการสร้างอุโบสถขึ้นมาใหม่รวมถึงสร้างศาลาจตุรมุขขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมือง  

       สำหรับอุโบสถที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้น พระเจ้าอนันตวรฤทธิเดชได้มีการสั่งให้ช่างนั้นได้ออกแบบอุโบสถหลังใหม่เป็นรูปแบบล้านนาร่วมสมัยเซนศาลาจตุรมุขนั้นก็มีการสร้างให้ครอบเสาหลักเมืองเอาไว้โดยเฉพาะเสาหลักเมืองมีความสูงประมาณ 3 เมตร

ดังนั้นในตัวศาลานั้นจึงได้ต้องสร้างสูงขึ้นมาเพื่อครอบเอาไว้และตัวศาลาจตุรมุขนั้นก็ได้มีการแกะลวดลายประดับด้วยไม้ลงรักปิดทองเอาไว้อย่างสวยงามเลยทีเดียว

          สำหรับใครที่เคยไปกราบไหว้เสาหลักเมืองของจังหวัดน่าจะเห็นได้ว่าศาลาที่สร้างขึ้นมาครอบเสาหลักเมืองนั้นจะมีการแกะสลักทั้งหลังไม่ว่าจะเป็นตัวเสาร์ของตัวศาลาหรือแม้แต่หลังคาจตุรมุขต่างๆมีการแกะสลักลวดลายเอาไว้อย่างสวยงามโดยจะเน้นลวดลายของพญานาคเป็นหลักซึ่งตัวศาลานั้นจะมีการใช้สีขาวในการถ่าและเน้นหลังคาสีแดงตัดกัน แลดูวิจิตรบรรจงงดงามลงตัวมากเลยทีเดียว  

         สำหรับเสาหลักเมืองนั้นก็มีการนำสีทองมาทา นอกจากนี้ยังมีการนำผ้าเจ็ดสีเจ็ดศอกมาพันรอบเอาไว้ด้านบนของเสาหลักเมืองก็มีการแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์ ที่ชื่อว่าเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เอาไว้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย.    ufabet ฝากเงิน ออโต้

ประวัติความเป็นมาของวัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย 

ประวัติความเป็นมาของวัดร่องขุ่น สำหรับในบทความนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาของวัดร่องขุ่นซึ่งวัดแห่งนี้เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีเพราะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากอยู่ในตอนนี้ 

สำหรับวัดร่องขุ่นในขณะนี้นับได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวสร้างรายได้ให้กับชาวจังหวัดเชียงรายได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

    อย่างไรก็ตามวัดร่องขุนนั้นเป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาไม่ยาวนานมากนักเนื่องจากว่าเป็นวัดที่เพิ่งสร้างมาประมาณเพียงแค่ 20 กว่าปีเท่านั้นแต่วัดแห่งนี้นั้นก็สามารถที่จะดึงดูดให้ผู้คนเดินทางไปเยี่ยมชมความสวยงามได้ด้วยประวัติความเป็นมาในการสร้างวัดร่องขุ่นนั้นถูกสร้างขึ้นมาในช่วงประมาณ ปี พ.ศ. 2540   

         สำหรับผู้ที่ลงทุนก่อสร้างออกค่าใช้จ่ายรวมถึงหาสถานที่ในการสร้างวัดร่องขุ่นแห่งนี้ก็คืออาจารย์เฉลิมชัยโฆษิตพิพัฒน์ซึ่งอาจารย์ท่านนี้เป็นคนทั้งก่อสร้างเองและออกแบบวัดเองและมาก่อสร้างวัดแห่งนี้เอาไว้ที่ตำบลป่าอ้อดอนชัยซึ่งตำบลนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 12  กิโลเมตรเพียงเท่านั้น  

        สำหรับแนวความคิดในการก่อสร้างวัดร่องขุ่นขึ้นมานั้นอาจารย์เฉลิมชัยต้องการใช้การสร้างวัดแห่งนี้เป็นงานพุทธศิลป์ซึ่งต้องมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองและตั้งใจที่จะสร้างขึ้นมาเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาโดยวัดแห่งนี้นั้นถือได้ว่าเป็นวัดที่ถวายให้กับแผ่นดินหรือถวายให้กับประเทศไทยนั้นเองเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก

         เนื่องจากว่าอาจารย์เฉลิมชัยนั้นต้องการสร้างถวายวัดร่องขุ่นแห่งนี้ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาลที่ 9 ซึ่งหลังจากที่ก่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาแล้วก็ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมาก

ว่าวัดแห่งนี้มีความงดงามโดยชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวที่ประเทศไทยก็รู้จักชื่อเสียงของวัดร่องขุ่นกันเป็นอย่างดีซึ่งชาวต่างชาตินั้นตั้งชื่อวัดร่องขุ่นนี้ว่า White temple 

          สำหรับเหตุผลที่ชาวต่างชาติเรียกว่าวัดร่องขุ่น White Temple หรือแม้แต่คนไทยเองก็เรียกวัดแห่งนี้ว่าวัดขาวนั่นก็เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ประดับตกแต่งอยู่ภายในวัดร่องขุ่นนั้นล้วนเป็นสีขาวทั้งหมดแม้แต่กระจกที่ใช้ประดับประดาให้เกิดความสวยงามสะท้อนกับแสงของพระอาทิตย์หรือแสงไฟนั้นก็ทำมาจากกระจกสีเงิน

          สำหรับแนวความคิดของอาจารย์เฉลิมชัยในการสร้างวัดร่องขุ่นด้วยการสร้างให้เป็นสีขาวทั้งหมดนั้นเพราะอาจารย์เฉลิมชัยมองว่าสีขาวนั้นเป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ผุดผ่องและวัดร่องขุ่นก็เป็นตัวแทนทางด้านพระพุทธศาสนาดังนั้นสีขาวจึงเปรียบเหมือนกับพระพุทธเจ้าที่มีความบริสุทธิ์ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นโบสถ์วิหารหรือสิ่งก่อสร้างภายในวัดร่องขุ่นจึงถูกนิมิตขึ้นมาให้เหมือนกับสรวงสวรรค์และมีความสวยงามเปล่งประกายให้ผู้คนได้ชมกัน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ดูบอลสด