หน้าที่ทางศาสนาและสังคมของการเต้นรำ

สังคมของการเต้นรำ  ในการแนะนำแคตตาล็อก Forrest McGill และ Ainsley M Cameron เน้นย้ำว่าทั้งนิทรรศการและแคตตาล็อกมุ่งเน้นไปที่หน้าที่ทางศาสนาและสังคมของการเต้นรำ

ดังที่นำเสนอหรือแนะนำในงานศิลปะที่จัดแสดง อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงดำเนินต่อไป คำถามพื้นฐานเกิดขึ้นระหว่างการค้นคว้าของพวกเขาซึ่งท้ายที่สุดก็กลายเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างงานศิลปะที่แตกต่างกัน: การเต้นประสบความสำเร็จที่นี่คืออะไรดังที่ภัณฑารักษ์ชี้ให้เห็น เทคนิค ท่าทาง โรงเรียนสอนเต้น และสิ่งที่เน้นน้อยกว่า ประวัติการแสดงแม้ว่าจะสามารถตีความผ่านผลงานเหล่านี้ได้เช่นกัน

ทั้งในแคตตาล็อกและนิทรรศการ งานศิลปะถูกจัดกลุ่มออกเป็นห้าส่วนตามการตอบสนองของภัณฑารักษ์ต่อคำถามพื้นฐานเกี่ยวกับความสำเร็จ: การทำลายและการสร้างสรรค์ การอุทิศตน การกดขี่ การเชิดชู และการเฉลิมฉลอง ส่วนแรก Destruction and Creation

สำรวจการร่ายรำอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของจักรวาลหรือโลก ใน Devotion ความปรารถนาร่วมกันของพระเจ้าและผู้นับถือศรัทธาจะถูกสำรวจผ่านการเต้นรำที่สร้างความเชื่อมโยงระหว่างอาณาจักรโลกและสวรรค์ ส่วนที่สาม การปราบปราม

สำรวจพลังของการเต้นรำในการพิชิตพลังด้านลบ การยกย่องทำให้แนวคิดเรื่องความเคารพซับซ้อนขึ้นและนำเสนอวัตถุศิลปะที่ให้เกียรติเทพเจ้าและกษัตริย์ ส่วนสุดท้าย Celebration มองการเต้นรำและการร่ายรำเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เสน่ห์ และความสุข

อำนาจ เพศ และเรื่องเพศ หัวข้อสามหัวข้อ – อำนาจ เพศ และเรื่องเพศ – เชื่อมโยงกันตลอดนิทรรศการ รวบรวมงานศิลปะจากภูมิภาค ศาสนา และวัฒนธรรมต่างๆ

ตัวอย่างเช่น ในกรณีของอาณาจักรทั้งสวรรค์และโลก การร่ายรำแสดงถึงองค์ประกอบของพลัง: พระอิศวรร่ายรำเพื่อทำลายล้างและสร้างโลกขึ้นใหม่ โดยใช้พลังมหาศาลที่ควบคุมจักรวาล พระกฤษณะร่ายรำบนศีรษะของศัตรูที่สิ้นฤทธิ์ พลังของเขาแสดงออกมาทางพละกำลังและความอุตสาหะ

กษัตริย์ทางโลกเลียนแบบราชาแห่งทวยเทพ พระอินทร์ โดยจัดให้มีคณะเต้นรำเพื่อความบันเทิงและยกย่องพระองค์ (และเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์มีความมั่งคั่งสำหรับการแสดงสถานะเช่นนี้) จึงใช้อำนาจและเผยแพร่อำนาจของพระองค์

เมื่อย้ายจากศาลไปยังอาณาจักรอันศักดิ์สิทธิ์ คุณจะพบกับเทพชายหลายองค์ที่ร่ายรำแทน เช่น พระอิศวร พระพิฆเนศวร และโดยเฉพาะพระกฤษณะ บางครั้งแต่ละองค์ก็ถูกเฝ้าดูโดยเทพธิดา สตรีจากสวรรค์ หรือสตรีบนดิน กระตุ้นให้เราพิจารณาพลวัตของการดูใหม่ การถามว่าใครไม่เต้นหรืออย่างน้อยก็ไม่แสดงท่าเต้นเป็นคำแนะนำ ในบรรดาอวตารของพระวิษณุ พระเอกพระราม (เทียบเท่าพระกฤษณะและตรงกันข้าม)

ไม่เต้นรำ พระพรหมผู้สร้างก็เช่นกัน ทั้งอาจารย์และผู้เผยพระวจนะที่ได้รับการยกย่องเช่นมูฮัมหมัด ซิกกูรู หรือเชน tirthankaras หรือพระพุทธเจ้า ต่างก็เข้าใจว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ทางโลกหรือเป็นนามธรรมของจักรวาล

พระมหากษัตริย์และผู้นำชายหรือหญิงไม่ค่อยเห็นการเต้นรำ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีเหตุผลมากมาย แต่เหตุผลประการหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการเต้นรำ – เกี่ยวข้องกับความรู้สึกและเร้าอารมณ์ การแสดงออกทางอารมณ์และศิลปะ และอาจเป็นไปได้ว่าสูญเสียการควบคุม – ดูไม่เหมาะสมในตัวเลขที่ได้รับมอบหมายให้จัดตั้งและรักษาระเบียบอันชอบธรรม ในจักรวาลหรือบนโลก ในทางกลับกัน พระอิศวรและพระกฤษณะ

ตลอดจนเทพเฮวาจราในศาสนาพุทธที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว เป็นผู้ละเมิด เพิกเฉยหรือเย้ยหยันบรรทัดฐานทางสังคมแบบดั้งเดิม และเสนอการอยู่เหนือธรรมชาติผ่านความปีติยินดีจากสวรรค์ ในโลกอื่น พลังที่อัดแน่นอยู่ในการร่ายรำของพวกเขาได้ขัดขวางคำสั่งที่จัดตั้งขึ้นเพื่อที่จะก้าวข้าม; การหยุดชะงักดังกล่าวในภูมิทัศน์ทางโลกและบ่อยครั้งทางการเมืองอาจเป็นหายนะ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า gclub มือถือ

มหาวิทยาลัยแห่งศิลปะ

มหาวิยาลัยศิลปกร มหาวิทยาลัยแห่งการสร้างสรรค์ สำหรับมหาวิทยาลัยศิลปกรนั้นถือว่าเป็นมหาวิทลัยชื่อดังในเรื่องศิลปะอย่างมาก และผู้ที่เป็นผู้ริเริ่มทและสถาปนามหาวิทยาลัยแห่งนี้ขึ้นมาก้ถือว่าเป็นศิลปินผู้โด่งดังในด้านศิลปะของไทยอีกด้วยน่ะ

ก็คือ ศิลป์ พีระศรี นับตั้งแต่ปีแรกจนกระทั่งมาถึงในปีปัจจุบันมหาวิทยาลัยนี้นั้นถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่มีสาขาต่างๆที่หลากหลายให้เลือกเรียน

แต่จะมีการมุ่งเน้นการเรียนการสอนและการศึกษาไปทางด้านกลุ่มของศิลปะและการสร้างสรรค์เป็นหลัก เพื่อเป็นการผลิตบุคลากรทางด้านศิลปะที่มากขึ้นและเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในวงการศิลปะและการสร้างสรรค์นั่นเอง โดยมหาวิทยาลัยนั้นก็ไม่ได้มุ่วเน้รและเจาะจงในด้านศิลปะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

แต่ยังมีการผสมผสานด้วยสาขาวิชาอื่นๆและมีการสร้างสรรค์และบูรณาการให้เกิดการสร้างสรรค์แบบข้ามสาขาวิชาอีกด้วย ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่ทางมหาวิย่าลัยนั้นตั้งใจและมุ่งเน้นในสิ่งเหล่านี้

การศึกษาในเรื่องทฟษฎีถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการศึกษาในสาขาต่างๆ ศิลปะการสร้างสรรค์ก็เช่นเดียวกันแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความรู้และประสบการณ์นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อด้ำลงมือทำเป็นหลัก ทางมหาวิยาลัยศิลปกรนั้นจึงมีการมุ่งเน้นการเรียนการสอนและมุ่มเน้นไปในเรื่องการปฏิบัติด้วย

เพราะถทอว่าสิ่งเหล่านี้จะสามารถทำให้นักศึกษานั้นเมื่อจบออกไปแล้วสามารถทำงานและเป็นบุคลากรในวงการศิลปะที่ดีและมีคุณภาพที่สุด แต่นอกจากการเรียนรู้และการได้ปฏิบัติจริงแล้วนั้นทางมหาวิยาลัยก็ได้มีการมุ่มเน้นในเรื่องของกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมประสบการให้แก่นักศึกษาด้วย

เพราะนอกจากการเรียนรู้ ความรู้ความสามารถที่นักศึกษาจะต้องมีแล้วนั้นในเรื่องของการเข้าสังคมและการทำกิจกรรมต่างๆก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญควยคู่กับดารเรียนการสอนเลยทีเดียว การจัดกิจกรรมก็มีการจัดกิจกรรมต่างๆทั้งปีกิจกรรมก็มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละกิจกรรม

ไม่ว่ารจะเป็นกิจกรรมรับร้อง กิจกรรมกีฬา กิจกรรมทางดนตรีและอื่นๆอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้นักศึกษาทุกวิทยาเขตของมหาลัยศิลปกรนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ก็ถือว่าทางมหาวิยาลัยนั้นได้วางแผนในการศึกษาให้กับนักศึกษาเป็นอย่างดีรวมไปถึงการใช้ชีวิตหลังจากได้ออกไปเผชิญกับโลกกว่างนอกรั้วมหาลัยด้วย

นอกจากนี้ทางมหาวิยาลัยยังมีการบูรณาการหลักสูตรการเรียนการสอนต่างๆอยู่เสมอด้สนการบูรณาการข้ามศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นการนำศิลปะเข้าไปร่วมกับการออกแบบและพัฒนาในการเรียนการสอนในลักษณะวิทยาศาสตร์ เช่นวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ ทำให้สามารถต่อยอดไปในทางที่พัฒนามากขึ้นเป็นเกมส์คอมพิวเตอรื อนิเมชั่น

หรือแม้กระทั่งการบูรณาการทางด้านดนตรีไปผสมผสานกับธุรกิจก็ทำให้เกิดเป็นดนตรีเชิงพาณิชย์เป็นต้น มหาวิทยาลัยศิลปกรนั้นจึงได้ขึ้นชื่อและมีชื่อเสียงทางด้านศิลปะและได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิทยาลัยศิลปะที่ดีที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    ทางเข้า gclub มือถือ