เจดีย์ชเวสิกอง ประเทศเมียนมาร์ 

   เจดีย์ชเวสิกอง ประเทศเมียนมาร์ 

        เมื่อพูดถึงประเทศเมียนมาร์เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงขององค์เจดีย์ต่างๆในประเทศเมียนมาร์ว่ามีความสวยงามมากแค่ไหน

ซึ่งประเทศเมียนมาร์นั้นถูกระบุว่ามีการสร้างมหาเจดีย์ขนาดใหญ่และมีความสวยงามเอาไว้ถึง 5 แห่งด้วยกันโดยในบทความนี้เราจะมาพูดถึงมหาเจดีย์หนึ่งในห้าที่ได้รับความนิยมและถูกระบุว่าเป็นเจดีย์ที่มีความงดงามติดอันดับของประเทศเมียนมาร์นั่นเองซึ่งเจดีย์ที่เรากำลังจะพาไปพูดถึงกันในครั้งนี้ก็คือเจดีย์ชเวสิกอง 

          สำหรับเจดีย์แห่งนี้ว่ากันว่ามีการสร้างเอาไว้ตั้งแต่ในสมัยโบราณอายุหลายร้อยปีแล้วการก่อสร้างเจดีย์แห่งนี้ขึ้นมานั้นก็เพื่อต้องการที่จะใช้  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย    สำหรับเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งเจดีย์ชเวสิกองแห่งนี้นั้นมีการนำพระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกันมาบรรจุประดิษฐานเอาไว้ในเจดีย์ชเวสิกองแห่งนี้  

          สำหรับพระบรมสารีริกธาตุ ที่ถูกนำมาบรรจุไว้ในเจดีย์ชเวสิกองแห่งนี้นั้นได้แก่พระทันตธาตุหรือที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่าพระเขี้ยวแก้วซึ่งพระทันตธาตุนี้ถูกนำมาถวายให้แก่กษัตริย์แห่งของพม่าโดยผู้ที่นำมาถวายนั้นก็คือกษัตริย์แห่งสีลังกาในยุคนั้นเอง 

ส่วนพระธาตุส่วนที่ 2 นั้นถูกนำมาจากเมืองสีเกษตรโดยเฉพาะถ้าส่วนที่ 2 นี้คือส่วนที่เป็นกระดูกไหล่  และพระธาตุส่วนที่ 3 คือพระธาตุนลาฏ ถูกนำมาจากเมืองศรีเกษตรเช่นเดียวกัน 

        อย่างไรก็ตามตามประวัติความเป็นมาในการก่อสร้างเจดีย์ชเวดากองนั้นว่ากันว่ากษัตริย์ที่เป็นคนที่มีการสั่งให้มีการก่อสร้างเจดีย์ชเวสิกองนั้นมีความต้องการที่จะเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินในแถบนั้น

ให้เป็นปึกแผ่นหรืออาจจะกล่าวได้ว่ากษัตริย์พม่าในยุคนั้นต้องการที่จะก่อตั้งอาณาจักรพุกามขึ้นมาจึงได้มีการตั้งเจดีย์ชเวสิกอง ขึ้นมาซึ่งพระองค์นั้นถือว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์พุกามนั่นเอง  สำหรับชื่อเสียงของกษัตริย์ที่มีการสั่งให้มีการก่อสร้างเจดีย์ชเวสิกอง นั้นก็คือพระเจ้าอโนรธามังช่อ 

           ลักษณะของเจดีย์ชเวสิกองนั้นเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ซึ่งมีการทาสีทองเหลืองอร่ามบริเวณโดยรอบของเจดีย์ชเวสิกอง จะมีการประดับประดาเอาไว้อย่างสวยงามเป็นการนำคล้ายกับต้นไม้สีทองมาตกแต่งบริเวณโดยรอบซึ่งลักษณะของต้นไม้นั้นจะมีลักษณะของฉัตร  9 ชั้น

           ปัจจุบันเจดีย์ชเวสิกองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากบรรดานักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าเป็นสถานที่ที่ถ้ามึงให้ความเคารพนับถือและยังมีความสวยงามอีกด้วยซึ่งส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมาเที่ยวโดยการนั่งรถแท็กซี่ซึ่งที่นี่จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมได้ตลอด 24 ชั่วโมง

การปกครองแผ่นดินของกษัตริย์รัสเซีย

   ในปัจจุบันโลกของเราก็จะมีทั้งหมด 169 ประเทศทั่วโลกโดยอันดับประเทศที่มีขนาดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 196 เลยก็คือ นครรัฐวาติกัน อันดับ 4 สสหรัฐอเมริกา อันดับ 3 จีน อันดับ 2 แคนาดา และประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 1 ของโลกนั่นก็คือ ประเทศรัสเซีย 

โดยมีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ที่อยู่อาศัยบนโลกถึง 1ใน 8 ประเทศรัสเซียตั้งอยู่ทวีปยูเรเชียหรือมีพื้นที่ครอบคุมทั้งทวีปยุโรปและทวีปเอเชียมีดินแดนทางบกติดกับประเทศ นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เอสโตเนีย รัฐเวียร์ ลิทัวเนีย โปแลนด์ เบลารุส ยูเครน จอร์เจีย อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน มองโกเลี่ย จีน และ เกาหลีเหนือ และมีดินแดนทางน้ำติดกลับประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา

การปกครองแผ่นดินของกษัตริย์รัสเซีย ซึ่งมีทะเลที่สำคัญมากมาย เช่น ทะเลบอลติก ทะเลดำ ทะเลแคสเปียน ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประเทศรัสเซียมีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นถ้าพูดง่ายๆเลยก็เป็นเพราะว่าหนึ่งกษัตริย์ของรัสเซียตั้งแต่ในอดีตมีความชื่นชอบในการสู้รบเพื่อขยายอาณาเขตเป็นอย่างมาก

ถึงแม้ประชาชนจะยากจนอดตายเพียงใดก็สามารถนำเงินมาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อบุกยึดประเทศอื่นๆได้เสมอสองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศรัสเซียตั้งอยู่ในทวีปเอเชียที่มีไซบีเรียนซึ่งเป็นดินแดนแห่งความหนาวเหน็บและยากต่อการดำรงชีวิตเป็นบริเวณกว้างจึงไม่มีใครในโลกอยากจะมาอยู่ที่นี่รัสเซียก็ไปยึดมา

สามในสมัยก่อนยุโรปมองว่าประเทศรัสเซียลึกลับและป่าเถื่อนจึงทำให้เป็นโอกาศให้รัสเซียมีเวลาได้ขยายอาณาเขตอย่างอิสระซึ่งกว่ายุโรปจะมารู้จักประเทศรัสเซียจริงๆก็เป็นตอนที่รัสเซียมีขนาดที่ใหญ่ไปแล้ว สี่ในสมันที่รัสเซียขยายอาณาเขตใหม่ในพื้นที่ข้างเคียงส่วนมากมีชนเผ่าเร่ร่อนไม่มีผู้นำหรือกษัตริย์ปกครองอยู่จึงง่ายต่อการเข้าครอบครอง

ห้าภูมิประเทศของรัสเซียส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบลุ่มไม่มีภูเขาจึงง่ายต่อการนำกองทัพทหารม้าและการเดินเท้าเข้าไปบุกโจมตีโดยจุดเริ่มต้นของประเทศรัสเซียเมื่อประมาณ1200กว่าปีที่แล้วทุกคนเชื่อหรือไม่ว่ามันเกิดขึ้นกับชนเผ่าเร่ร่อนกลุ่มเล็กๆในปีคริสต์ศักราช1800ชาวสลาฟตะวันออกได้เร่ร่อนๆไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งมาเจอพื้นที่ว่างเล็กๆบริเวณทะเลดำและทะเลบอลติกชาวสลาฟตะวันออกเลยลงหลักปักฐานกันที่นี่และใช้ชีวิตไปแบบไม่มีกษัตริย์แต่ในปีคริสต์ศักราช1862ชาวสลาฟตะวันออกก็แต่งตั้งพระเจ้ายูริแห่งราชวงศ์ยูริขึ้นเป็นกษัตริย์เพื่อรวบรวมประเทศและป้องกันอันตรายจากผู้บุกรุก

ซึ่งทันทีที่พระเจ้ายูริได้ขึ้นครองราชย์จักรวรรดิรัฐก็ค่อยๆเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นจนกระทั่งในปีคริสต์ศักราช882ที่เป็นสมัยของพระเจ้าKievพระองค์ได้บุกเข้าตีเมืองเคียฟที่เป็นเมืองหลวงของชาวยูเครนในปัจจุบันได้สสำเร็จ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

หนุ่มดวงซวย ถูกฝูงผึ้งรุมต่อย โดดหนีลงน้ำแต่ต้องเจอกับฝุงปลาปิรันย่า สภาพศพน่ากลัวมาก

    หนุ่มดวงซวย ถูกฝูงผึ้งรุมต่อย   มีเรื่องราวเปิดเผยออกมาจากสำนักข่าวต่างประเทศโดยข่าวนี้มีการเปิดเผยไปเมื่อวันที่ 3 เดือนพฤศจิกายนปีพศ 2564 ซึ่งตามรายงานข่าวระบุว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่รัฐมีนัสเชไรส์ประเทศบราซิลเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับการติดต่อให้เข้าไปช่วยเหลือตามหาชายคนหนึ่งซึ่งได้กระโดดลงไปในแม่น้ำหลังจากที่หนีฝูงผึ้งและหลังจากที่โดดลงน้ำไปก็ยังไม่พบว่ามีการขึ้นมาจากแม่น้ำเลย  

       สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีชาย 3 คนเป็นเพื่อนกันนัดไปตกปลากันที่ทะเลสาบแห่งหนึ่งและในขณะที่พวกเขากำลังนั่งตกปลาอยู่นั่นเองปรากฏว่ามีฝูงผึ้งฝูงใหญ่บินมาทำร้ายพวกเขาโดยการรุมต่อยทําให้ทั้งสามคนนั้นต่างพากันวิ่งหนีและกระโดดลงไปในทะเลสาบ

อย่างไรก็ตามปรากฏว่าในขณะที่เพื่อน 2 คนสามารถว่ายน้ำขึ้นไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อหนีฝูงผึ้งได้ปรากฏว่ามีหนุ่มดวงซวยคนหนึ่งกลับไม่พบว่าเขาขึ้นจากน้ำ

           หลังจากที่เพื่อนรอไปสักระยะหนึ่งจึงได้มีการแจ้งให้หน่วยกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยการตามหาซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ดำน้ำลงไปเพื่อตามหาชายคนดังกล่าวปรากฏว่าในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็พบศพชายคนหนึ่งร้อยห่างจากฝั่งประมาณ 4 เมตรซึ่งสภาพศพของชายคนดังกล่าวนั้นมีสภาพที่ถูกกัดแทะตามร่างกายเต็มไปหมดและเมื่อชาย 2 คนได้เห็นก็ยืนยันได้ว่าเป็นเพื่อนของเขาที่กำลังช่วยกันตามหาอยู่

           อย่างไรก็ตามหลังจากเห็นสภาพศพแล้วทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าศพหนุ่มดวงซวยคนดังกล่าวนั้นเสียชีวิตก่อนที่จะถูกปากหรือเสียชีวิตเพราะถูกปลากัดกันแน่ส่วนปลาที่กัดร่างกายของผู้เสียชีวิตนั้นตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นปลาปิรันย่าซึ่งในทะเลสาบแห่งนี้มีฝูงปลาปิรันย่าขนาดใหญ่อาศัยอยู่

อย่างไรก็ตามตรงจุดบริเวณที่พบศพนั้นชาวบ้านบริเวณดังกล่าวก็ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นเดียวกันว่าเป็นจุดที่มีคนจมน้ำบ่อยมากเช่นเดียวกันทำให้การเสียชีวิตในครั้งนี้  ทางเข้า ufabet ภาษาไทย   ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าตายสาเหตุจากจมน้ำหรือสาเหตุจากฝูงปลาปิรันย่ากัดนั่นเอง  

           สำหรับปลาปิรันย่านั้นเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าปลาชนิดนี้เป็นปลาที่มีฟันที่แหลมคมมากและปลาปิรันย่านิยมกินเนื้อสดซึ่งในขณะนี้ปลาปิรันย่ามีต้นกำเนิดมาจากลุ่มแม่น้ำอเมซอนซึ่งอยู่ในแถบทวีปอเมริกาใต้และแถวบริเวณดังกล่าวนั้นก็มีมากกว่า 30 สายพันธุ์แต่หลังจากที่มีคนค้นพบปลาปิรันย่าก็มีการนำปลาปิรันย่ามาขายและมีการนำไปปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติซึ่งทำให้ปลาปิรันย่าขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วและเป็นอันตรายต่อแหล่งน้ำนั้นๆเพราะมันจะไปทำลายวัฏจักรวงจรชีวิตของสัตว์อื่นๆรวมถึงถ้าหากมนุษย์เจอกับฝูงปลาปิรันย่าก็มีความเสี่ยงสูงที่อาจจะถูกปลาปิรันย่ากัดได้ 

ตำนานรักอมตะของเจ้าหญิงไม้ไผ่ภูเขาไฟฟูจิ

    ตำนานรักอมตะของเจ้าหญิงไม้ไผ่ภูเขาไฟฟูจิถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเพื่อชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิที่จะเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาลหลายๆคนยังมีความเชื่อว่าภูเขาไฟแห่งแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้เป็นหนึ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นที่สถิตของเหล่าเทพเจ้าและมีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูเขาไฟฟูจิมากมาย

        หนึ่งในนั้นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นตำนานที่สุดของญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งเราถึงชายชราคนตัดไม้เข้าป่าไปตัดไม้ไผ่และเห็นไม้ไผ่ปล้องหนึ่งมีแสงสว่างสีทองว่าขึ้นมาเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็พบทารกน้อยหน้าตาน่ารักเขาจึงพาทารกน้อยกลับบ้านแล้วตั้งชื่อว่า คางุยะฮิเมะหลังจากนั้นไม่กี่เดือนทารกน้อยก็เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วประเทศชายหนุ่มต่างพากันมาขอเธอแต่งงานแต่ก็ต้องผิดหวัง

        กระทั่งจักรพรรดิมิคาโดะได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับคางูยะจึงขอเธออภิเษกแต่ก็ถูกปฏิเสธเช่นกันเพราะเธอไม่ใช่คนธรรมดาและวันนึงเธอจะต้องกลับไปยังดวงจันทร์ดินแดนบ้านเกิดของเธอ ในคืนวันเพ็ญคางุยะฮิเมะต้องกลับไปยังดวงจันทร์เธอมอบจดหมายและยาอายุวัฒนะให้องครักษ์ของจักรพรรดิมิคาโดะ

เมื่อจักรพรรดิได้อ่านจดหมายของเธอแล้วส่งโศกเศร้ายิ่งนักและสั่งให้ทหารองครักษ์นำจดหมายตอบของพระองค์ไปเผาบนภูเขาที่อยู่ใกล้ท้องฟ้ามากที่สุดโดยหวังว่าข้อความของพระองค์จะส่งไปถึงพระพุทธคุณพร้อมกระเป๋ายาอายุวัฒนะทิ้งไปเพราะไม่ปรารถนาจะมีอายุยืนยาวโดยไม่ได้พบเจอหญิงผู้เป็นที่รักอีก

       จึงเป็นที่มาของชื่อภูเขาไฟฟูจิที่คำออกเสียงในภาษาญี่ปุ่นนั้นหมายถึงเป็นอมตะและอักษรคันจิแปลตรงตัวว่าภูเขาที่เต็มไปด้วยนักรบหมายถึงเหล่าองครักษ์ที่จักรพรรดิส่งไปเผาจดหมายและควันที่เกิดจากการเผาจดหมายกับยาอายุวัฒนะก็ยังปะทุอยู่ถึงทุกวันนี้  

       ปัจจุบันภูเขาไฟฟูจิกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวผู้คนมักจะเดินทางไปเที่ยวที่ภูเขาไฟฟูจิซึ่งจะมีการไปเล่นสกีหรือบางคนนั้นก็ใช้วิธีการนั่งรถไฟวิ่งผ่านภูเขาไฟฟูจิแล้วถ่ายภาพสวยๆ 

และในปัจจุบันนี้ภูเขาไฟฟูจิเองนั้นก็ยังคงไม่ดับรอวันมอดไหม้อยู่เช่นเดิม  สำหรับใครที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ควรพลาดที่จะไปแวะเยี่ยมชมความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ  ภูเขาไฟที่มีตำนานมาอย่างยาวนาน และเป็นตำนานและเรื่องราวของความรักที่น่าจดจำ 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย