ใครอยากมีความฝัน…ต้องนอน

เด็กสมัยใหม่อยากเป็นคนมีฝัน ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะต้องไปตะกายหาฝันที่ไหน เพียงแค่คุณนอน เฝ้ารอความฝันจะปรากฏขึ้นมาเอง แล้วเมื่อถึงเวลาตื่นนอน คุณอาจจะดื่มด่ำไปกับฝันดีหรือกังวลไปกับฝันร้าย ไหนลองมาดูกันสิว่า “ความฝันมันเกิดขึ้นได้อย่างไรและมันบอกอะไรเราได้”

นักวิทยาศาสตร์หลากหลายสำนักได้มีการหาว่า ความฝันเกิดขึ้นได้อย่างไร จนเกิดเป็นหลายทฤษฎี มีการค้นพบ ความฝันมักจะเกิดในช่วงที่เราหลับแบบที่ยังมีการเคลื่อนไหวดวงตาอย่างรวดเร็ว

ซึ่งช่วงนี้เป็นเวลาที่สมองแอคทีฟมากที่สุด โดยพบว่า ความฝันจะสอดคล้องและเชื่อมโยงไปกับความคิด อารมณ์ สิ่งที่เคยประสบพบเจอ สารเคมีในสมองจะนำเรื่องราวต่างๆเหล่านี้มาผสมกันจนกลายเป็นเรื่องใหม่ที่คุณไม่เคยเจอมาก่อน หรืออาจเป็นเรื่องเดิมที่คุณเคยพบมาล้ว 

เมื่อคุณฝันร้าย มันกำลังแอบบอกอะไรคุณอยู่

ฝันร้าย…ฝันว่า เจอผี มีคนมาเอาชีวิต มีคนวางยาพิษหรืออาจจะเป็นเรื่องราวที่ไม่ดีที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง ซึ่งฝันในแบบนี้จะแสดงออกมาในด้านลบ ฝันร้ายจะสะท้อนถึงอารมณ์หรือความเครียดรวมไปถึงความกังวลที่เกิดขึ้นในชีวิตในช่วงขณะนั้น บางทีก็สัมพันธ์กับโรคทางจิตเช่นภาวะซึมเศร้า เป็นต้น เคยไหมที่ บางครั้งเมื่อเราฝันร้ายแบบหนักจริงๆก็อาจจะตะโกน ร้องไห้จนทำให้ตื่นจากความฝันนั้นเลยก็เป็นได้ 

อยากเก็บฝันดีเอาไว้ตราบนานเท่านานต้องทำอย่างไร

ฝันดี ใครๆก็อยากมี เคยไหมที่เรากำลังฝันหวาน ฝันถึงใครสักคนที่เราคิดถึง หรือกำลังฝันถึงช่วงวันเวลาที่เราจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตนเองวางไว้ แต่พอตื่นมาได้สักพักก็ดันลืมความฝันอันน่าจดจำเหล่านั้นไปจนหมด เคล็ดลับที่อยากจะจดจำความฝันนั่นไว้คือ เมื่อตื่นลืมตาขึ้นมา

พยายามนั่งนึกถึงเรื่องราวความฝันที่เกิดขึ้นและจดใส่สมุดไดอารีเพราะบันทึกเหล่านี้จะไม่มีวันลบเลือนหายไป อยากซึมซับความฝันนี้อีกทีก็เพียงแค่นำไดอารีมาเปิดอ่านก็สร้างความสุขได้อีกแบบ 

ความฝันที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝันดีหรือฝันร้าย ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในหัวสมองเราเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องจริงที่เกิดขึ้น ดังนั้น ความฝันนั้นอาจจะสร้างความสุขให้คุณก็พยายามเก็บไว้ในความทรงจำ แต่ถ้าฝันนั้นทำให้คุณกังวลจนปวดใจก็ปล่อยให้มันหายไปตามกาลเวลาเพราะเมื่อคุณตื่น ฝันร้ายต่างๆก็จะหายไปในไม่กี่นาที 

 

สนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ