วัฒนธรรมการสักของชาวแอฟริกา

      การสักของชาวแอฟริกา   ชื่อว่าหลายคนคงเคยมีโอกาสเห็นการสักบนผิวหนังกันมาบ้างแล้วเพราะคนไทยส่วนใหญ่นั้นก็นิยมมีการสักมาตั้งแต่ในยุคสมัยโบราณแต่ในเรื่องของการสักนั้นแต่ละสถานที่หรือแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้นก็จะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องของการสักนั้นแตกต่างกันออกไป

ลักษณะของลวดลายของการสักนั้นก็จะมีความแตกต่างกันไม่คล้ายคลึงกันส่วนจุดประสงค์ของการสักนั้นแต่ละสถานที่นั้นก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไปเช่นเดียวกัน

อย่างเช่นในสมัยโบราณของชาติแอฟริกาหรือแม้แต่ชาติตะวันตกนั้นก็จะเป็นการสักเพื่อบันทึกถึงเรื่องราวประวัติความเป็นมาในอดีตหรือแม้แต่มีการเข้าไปในฝ่ายของศัตรูแล้วสัตว์บอกเรื่องราวบนร่างกายเอาไว้เพื่อนำเรื่องราวของข้าศึกศัตรูนั้นกลับมาให้ฝ่ายของตนเองได้รับทราบหรือเป็นการสัก

เพื่อบอกถึงพัฒนาการของอายุและประวัติความเป็นมาของบุคคลนั้นๆเป็นต้นซึ่งแน่นอนว่าแต่ละสถานที่แต่ละยุคแต่สมัยนั้นลักษณะของลวดลายนั้นก็ไม่มีความคล้ายคลึงกันเลยแต่ปัจจุบันนั้นการสักนั้นกลายมาเป็นศิลปะอย่างหนึ่งและกลายมาเป็น แฟชั่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากซึ่งในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเกี่ยวกับการสักของชาวแอฟริกาว่ามีความเป็นมาหรือมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการสักครั้งนี้อย่างไรได้บ้าง 

      สำหรับในดินแดนแอฟริกาทางตอนเหนือที่เคยเป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุคโบราณอย่างอียิปต์ก็มีความเชื่อเกี่ยวกับการสักที่ว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่างไปแล้วในวันข้างหน้าดวงวิญญาณนั้นจะกลับมาอีกครั้งการที่บันทึกเครื่องหมายเอาไว้บนร่างกายจึงเป็นดั่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าครั้งหนึ่งวิญญาณของคนผู้นั้นเคยอาศัยอยู่ในร่างนี้

         ดังนั้นเรามักจะเห็นว่าเมื่อมีการขุดค้นพบซากศพของคนในสมัยโบราณก็จะมีพบว่าตามร่างกายของคนในสมัยโบราณนั้นมีการสกัดเอาไว้ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานที่ทำให้เห็นอารยธรรมนับพันปีที่ผ่านมานั้นเอง   นอกจากนี้นับเป็นเวลานับพันปีมาแล้วเช่นกันที่การสักของชนเผ่าในแอฟริกากลางเป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นยารักษาโรค  หมอผีและการเข้าร่วมชนเผ่า

         นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตเห็นได้จากผิวหนังของหัวหน้าชนเผ่าแอฟริกามักจะทำหน้าที่เสมือนผ้าใบที่เก็บสัญลักษณ์รายละเอียดเรื่องราวของเราเอาไว้บริการทำให้เป็นแผลเป็นของชาวแอฟริกาโดยการทำให้เป็นรอยนูนขึ้นบนผิวหนังแทนการลงสีมีการให้ความหมายแสดงออกถึงการพัฒนาของชีวิตในแต่ละช่วงวัยถือว่าเป็นการสักและเป็นรูปแบบของศิลปะบนผิวหนังอีกประเภทหนึ่งที่นิยมของชาวแอฟริกา  

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ฝากถอน ไม่มีขั้นต่ำ ออโต้

ประวัติไซอิ๋ว เรื่องราวเกี่ยวกับไซอิ๋วที่คุณยังไม่รู้

    ประวัติไซอิ๋ว หรือที่ผู้คนมักจะเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเห้งเจีย และบางคนก็เรียกว่าซุนหงอคง  ถึงแม้ว่าเราจะเรียกชื่อว่าอะไรแท้ที่จริงแล้วทั้ง 3 ชื่อนี้ก็คือตัวละครตัวเดียวกันนั่นเอง  โดยตามตำนานมีการกล่าวเอาไว้ว่าตัวละครตัวนี้คือลิงที่เกิดมานานหลายพันปีแล้วด้วยแหล่งกำเนิดของลิงตัวนี้เกิดขึ้นบนยอดภูเขา

และมีชาติกำเนิดมาจากหินมีการบำเพ็ญตบะอย่างยาวนานและแกร่งกล้าจนทำให้กลายมาเป็นลิงที่มีอิทธิฤทธิ์มีอาวุธวิเศษที่สำคัญอาวุธของลิงหงอคงนี้ก็คือกระบองวิเศษซึ่งกระบองชนิดนี้สามารถที่จะยืดได้หดได้และที่สำคัญหงอคงมีพาหนะในการใช้ในการเดินทางก็คือก้อนเมฆ  

          ว่ากันว่าหงอคงเห็นว่าตนเองนั้นมีอิทธิฤทธิ์เก่งกาจมากมายและไม่มีใครสามารถที่จะสู้ตนเองได้จึงกลายเป็นลิงที่มีนิสัยเกเรชอบรังแกบุคคลอื่นไปทั่ว  ประวัติไซอิ๋ว ทางด้านนี้เซียนฮ่องเต้จึงได้หางานให้หงอคงทำเพราะจะได้ไม่ไปยุ่งไปก่อกวนคนอื่น  โดยครั้งแรกนั้นสั่งให้หงอคงไปเฝ้าม้าบนสวรรค์แต่หงอคงไม่พอใจที่เห็นว่างานที่ตัวเองทำนั้นเป็นงานที่ต่ำต้อยจึงได้อาระวาดและฆ่าหมาตายหมด

        และหงอคงยังมีเวลากันอื่นๆอีกมากมายที่สร้างความปั่นป่วนให้บนสวรรค์  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่ เง็กเซียน ฮ่องเต้ให้ไปเฝ้าสวนผลไม้สวรรค์แต่งหงอคงก็ไปกินผลไม้บนสรวงสวรรค์จนหมด ซึ่งไม่ว่าเซียนฮ่องเต้จะให้หมอคงไปทำอะไรหงอคงก็จะสร้างความวุ่นวายจนในที่สุดในเซียนฮ่องเต้

จึงได้มีการ ไปขอร้องให้พระพุทธเจ้าช่วยทำการกำราบหงอคงให้ด้วยซึ่งในที่สุดหงอคงก็พ่ายแพ้ให้กับพระพุทธเจ้าและต้องไปเฝ้าภูเขาไฟ หลังจากนั้นเมื่อถึงระยะเวลา 500 ปีพระพุทธเจ้าก็บอกกับหงอคงว่าถ้าหากหงอคงต้องการที่จะหลุดพ้นจากการเฝ้าภูเขาไฟหงอคงจะต้องมีการไปคอยอารักขาพระสงฆ์องค์หนึ่งซึ่งจะเดินผ่านภูเขาไฟแห่งนี้เพื่อไปยังชมพูทวีป ซึ่งพระสงฆ์องค์นั้นก็คือพระถังซัมจั๋งนั่นเอง 

        โดยถ้าหากหงอคงสามารถอารักขาพระถังซัมจั๋งจนสามารถบรรลุการเดินทางไปถึงที่หมายได้คงก็จะหลุดพ้นจากความผิดและไม่ต้องมาเฝ้าภูเขาไฟอีกหลังจากนั้นหมอคงจึงได้มีการติดตามพระถังซัมจั๋งเพื่อรักขาจนในที่สุดพระถังซัมจั๋งก็สามารถไปยังชมพูทวีปเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้ และด้วยคุณความดีนี้เองในท้ายที่สุดแล้วหงอคงก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นเทพเซียน  และคอยมีหน้าที่เฝ้าตรงประตูบริเวณด่านสวรรค์  จนกลายมาเป็นที่เคารพนับถือของคนจีนจนถึงปัจจุบัน

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ฝากถอน ไม่มีขั้นต่ำ ออโต้